ฝุ่นละออง PM 2.5 เป็นฝุ่นละอองขนาดเล็กที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกิน 2.5 ไมครอน ซึ่งมีขนาดเล็กกว่าเส้นผมของมนุษย์ถึง 25 เท่า ซึ่งด้วยขนาดที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ทำให้สามารถแทรกซึมเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ ลงสู่ปอด และซึมผ่านกระแสเลือด โดยจะส่งผลต่อระบบภายในร่างกายแทบทุกส่วน ดังนี้
ด้วยขนาดที่เล็กจิ๋ว PM 2.5 จึงสามารถแทรกซึมเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว โดยสามารถเข้าไปได้ลึกถึงปอดและกระตุ้นให้เกิดผลเสียต่อระบบทางเดินหายใจ เช่น อาการไอ จาม น้ำมูกไหล เจ็บคอ หายใจลำบาก อีกทั้งหากได้รับเป็นเวลานานยังจะส่งผลต่อการเกิดโรคต่าง ๆ เช่น โรคหอบหืด โรคปอดอักเสบ โรคห ลอดลมอักเสบเรื้อรัง โรคถุงลมโป่งพอง รวมถึงยังเป็นสาเหตุสำคัญของโรคปอดเรื้อรังด้วย
การได้รับฝุ่นละออง PM 2.5 ติดต่อกันเป็นประจำ จะส่งผลต่อหลอดเลือด ทำให้ความยืดหยุ่นของหลอดเลือดลดลง เพิ่มโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือดอุดตัน และอาจนำไปสู่ภาวะหัวใจวายหรือหลอดเลือดสมองตีบได้ อีกทั้งมลพิษทางอากาศยังส่งผลต่อเซลล์กล้ามเนื้อหัวใจโดยตรง ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแอ ล้มเหลว นำไปสู่ภาวะหัวใจวายเฉียบพลันได้ในที่สุด
ฝุ่นละออง PM 2.5 สามารถเข้าไปกระตุ้นให้เกิดการอักเสบในร่างกาย จนส่งผลต่อระบบต่าง ๆ รวมถึงสมอง ซึ่งหากปล่อยให้เกิดการอักเสบเรื้อรัง จะเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคทางสมอง เช่น โรคอัลไซเมอร์ โรคพาร์กินสัน และโรคหลอดเลือด สมอง อีกทั้งยังทำให้เซลล์สมองเสื่อมได้เร็วขึ้น ทำให้มีผลต่อความทรงจำ การเรียนรู้ รวมถึงด้านความคิด
นอกจากปัญหาจากระบบภายในแล้ว PM 2.5 ยังจะทำร้ายผิวหนังของเราด้วย เนื่องจากละอองขนาดจิ๋วเหล่านี้ สามารถแทรกซึมผ่านรูขุมขนและทำลายชั้นเซลล์ผิวหนัง รวมถึงคอลลาเจนและอีลาสติกในร่างกาย ก่อให้เกิดปัญหาผิวหนังมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ผิวแห้งระคายเคือง ริ้วรอยก่อนวัย อีกทั้งยังจะไปกระตุ้นการผลิตเมลานิน ทำให้ผิวหมองคล้ำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ
เริ่มจากการตรวจระดับ PM 2.5 เป็นประจำ ซึ่งสามารถติดตามค่าดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) ได้ผ่านแอปพลิเคชัน หรือเว็บไซต์ เพื่อลดการทำกิจกรรมนอกบ้านในช่วงที่มีค่าฝุ่นพุ่งสูง และถึงแม้จะอยู่บ้าน ก็ควรปิดประตูหน้าต่างให้มิดชิด เพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสที่ทำให้ได้รับผลกระทบจากฝุ่นละอองโดยตรง
ในปัจจุบันเครื่องฟอกอากาศได้กลายเป็นหนึ่งในเครื่องใช้ไฟฟ้าที่จำเป็น เนื่องจากมีคุณสมบัติในการป้องกันฝุ่นละออง PM 2.5 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสามารถช่วยกรองฝุ่นละออง สารปนเปื้อน ไวรัส แบคทีเรีย รวมถึงกลิ่นไม่พึงประสงค์ออกจากอากาศภายในบ้าน ทำให้พื้นที่ที่เราอยู่อาศัยมีอากาศที่บริสุทธิ์และปลอดภัยต่อสุขภาพมากขึ้น
การใส่หน้ากากอนามัยในพื้นที่สาธารณะกลายเป็นวิถีชีวิตปกติที่พบเห็นได้ทั่วไป แต่หลายคนอาจเลือกใช้จากความสวยงามในการสวมใส่ ซึ่งอาจไม่ตรงตามวัตถุประสงค์การใช้งาน ซึ่งการใช้หน้ากากป้องกันฝุ่น PM 2.5 ที่มีประสิทธิภาพนั้น สามารถเลือกได้จากคุณสมบัติเหล่านี้
● หน้ากาก N95 ซึ่งเป็นหน้ากากที่ผ่านมาตรฐาน N95 จาก National Institute for Occupational Safety and Health (NIOSH) ของสหรัฐอเมริกา สามารถป้องกันฝุ่น PM 2.5 ได้อย่างน้อย 95%
● หน้ากาก KF94 และ KF80 เป็นหน้ากากอนามัยตามมาตรฐาน KF94 จากเกาหลีใต้ โดยหน้ากาก KF94 และหน้ากาก KF80 สามารถป้องกันฝุ่น PM 2.5 ได้อย่างน้อย 94% และ 80% ตามลำดับ
● หน้ากาก FFP1- FFP2 ที่นอกจากจะช่วยป้องกันเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส และ PM 2.5 ได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ยังสามารถป้องกันสารคัดหลั่งที่ฟุ้งกระจายอยู่ในอากาศได้ดี (การไอหรือจามจากผู้อื่น) รวมถึงยังสามารถป้องกันฝุ่นละเอียดขนาด PM 10 ได้อีกด้วย
ถึงแม้หน้ากากอนามัยทั่วไป หรือ Surgical Mask ที่หลายค นเลือกใช้จะสามารถป้องกันฝุ่นละอองได้ เช่น ฝุ่นละอองจากการก่อสร้าง แต่ก็ยังไม่มีชั้นกรองที่จะสามารถป้องกัน PM 2.5 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งหากต้องการป้องกันให้มากขึ้น ก็จำเป็นต้องสวมทับ 2 ชั้น เพื่อช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับร่างกายของเรา
นอกจากการป้องกันฝุ่น PM 2.5 ด้วยวิธีที่กล่าวมานี้ การมีประกันสุขภาพที่คุ้มครองได้อย่างครอบคลุมเอาไว้ก็จะช่วยเสริมความสบายใจในการใช้ชีวิตได้มากยิ่งขึ้น เลือก PRUe-Healthcare Plus จากพรูเด็นเชียล ประกันชีวิต ที่พร้อมดูแลเมื่อคุณต้องเจ็บป่วย โดยไม่ต้องใช้เงินเก็บมารักษาตัว เคลมได้ ตามจริง สูงสุด 500,000 บาท เบี้ยฯ เริ่มต้น 14 บาท/วัน* คุมค่าใช้จ่ายได้ง่าย ปรับแผนได้ตามความเสี่ยง ซื้อวันนี้รับโปรโมชันเพียบ เช็กเบี้ยฯ และสมัครผ่านออนไลน์ได้เลย ไม่ต้องตรวจสุขภาพ
*กรณีเพศชาย อายุ 30 ปี แผนความคุ้มครอง 1 เลือก deductible 60,000 บาท
ข้อมูลอ้างอิง
1. PM 2.5 ฝุ่นละอองเล็กจิ๋ว แต่ส่งผลเสีย (ต่อสุขภาพ) มหาศาล
2. ค่าฝุ่น PM 2.5 สูง กระทบสุขภาพสะสมระยะยาว
3. รู้จักฝุ่นพิษ PM 2.5 ที่มากับ มลภาวะ และวิธีการเลือก หน้ากากป้องกัน