Date  
9th May 2024

ในช่วงปีที่ผ่านมา กรมสรรพากรได้มีการปรับปรุงระบบและขั้นตอนการยื่นภาษีเงินได้ใหม่ เพื่อให้มีความสะดวกสบายและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ซึ่งหลายคนก็สามารถยื่นแบบภาษีและได้เงินภาษีคืนภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว แต่สำหรับใครที่ยื่นขอคืนภาษีไปแล้ว แต่ยังไม่ได้เงินคืนภาษีเสียที ต้องอ่านบทความนี้ เพราะเราได้รวบรวมวิธีการติดตามคืนภาษีมาให้แล้วแบบง่าย ๆ พร้อมเคล็ดลับได้เงินคืนภาษีไว ทันใช้อย่างแน่นอน

 

วิธีติดตามและตรวจสอบคืนภาษีจากกรมสรรพากร

 

สำหรับผู้ที่ยื่นแบบออนไลน์ไปแล้ว แต่ยังไม่ได้เงินภาษีคืนสักที แนะนำให้ตรวจสอบตามขั้นตอนง่าย ๆ ผ่าน 2 ช่องทาง ดังต่อไปนี้

 

เว็บไซต์ของกรมสรรพากร

 

1. ไปที่เว็บไซต์ของกรมสรรพากร www.rd.go.th

2. เลือกเมนู “My Tax Account ตรวจสอบข้อมูลทางภาษี”

3. เข้าสู่ระบบด้วย RD ID โดยให้กรอกเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร หรือชื่อผู้ใช้งาน e-filing รหัสผ่าน หรือเข้าสู่ระบบด้วย Digital ID

4. เลือกเบอร์โทรศัพท์หรืออีเมลที่แจ้งไว้ จากนั้นจะได้รับรหัส OTP ผ่านทางข้อความหรืออีเมล

5. กดยืนยันด้วยรหัส OTP

6. ไปที่ "ติดตามสถานะขอคืน/นำส่งเอกสาร"

7. จากนั้นจะขึ้นสถานะของการคืนภาษีตามรายละเอียดที่ได้ยื่นแบบไป โดยให้เราตรวจสอบว่าทางกรมสรรพากรต้องการให้ส่งเอกสารแสดงรายได้ หรือรายการลดหย่อนเพิ่มเติมหรือไม่ เพราะหลายคนยื่นแบบเสร็จแล้วไม่ได้ไปตรวจสอบสถานะขอคืน/นำส่งเอกสาร ทำให้กระบวนการล่าช้าออกไป

 

สำนักงานสรรพากรพื้นที่ตามภูมิลำเนาที่ปรากฏในหน้าแบบแสดงรายการ

 

ผู้มีเงินได้ที่ยื่นแบบแล้ว สามารถติดตามคืนภาษีได้จากเจ้าหน้าที่โดยตรง โดยสามารถโทรศัพท์ไปสอบถาม หรือไปติดต่อเจ้าหน้าที่ที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่ตามภูมิลำเนาที่ปรากฏในหน้าแบบแสดงรายการ

 

● กรมสรรพากร Call Center : 1161

● เบอร์โทรศัพท์สำนักงานสรรพากรส่วนกลาง คลิก

● เบอร์โทรศัพท์ประจำสำนักงานสรรพากรภาค 1-12 คลิก

● เบอร์โทรศัพท์ประจำสำนักงานสรรพากรพื้นที่กรุงเทพมหานคร 1-30 คลิก

● เบอร์โทรศัพท์สำนักงานสรรพากรพื้นที่ต่างจังหวัด คลิก

 

เงินคืนภาษีกี่วันได้คืน ?

  

หลังจากที่ยื่นแบบภาษีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว กรมสรรพากรจะใช้เวลาตรวจสอบเอกสารและข้อมูลต่าง ๆ ภายในระยะเวลา 3 เดือน แต่หากว่าเอกสารต่าง ๆ ครบถ้วน ในบางช่วงเวลาก็อาจจะใช้เวลาเพียง 3 - 5 วันทำการเท่านั้น

 

ต้องการแก้ไขข้อมูลเพิ่มเติมต้องทำอย่างไร ?

 

สำหรับคนที่กรอกข้อมูลไม่ครบถ้วน หรือต้องการแก้ไขข้อมูลของแบบที่ยื่นไปแล้ว สามารถแก้ไขได้ โดยให้ทำตามขั้นตอนดังต่อไปนี้

 

1. เข้าสู่ระบบใหม่อีกครั้ง

2. จากนั้นกดยื่นแบบภาษีเพิ่มเติม

3. แก้ไขและนำส่งเอกสารเพิ่มเติมตามที่ต้องการ

4. กด “ยืนยัน” จากนั้นแบบภาษีจะถูกแก้ไขอย่างถูกต้อง

 

 

เคล็ดลับการยื่นภาษีให้ได้เงินคืนเร็ว

 

หลายคนอาจจะสงสัยว่า “ทำไมบางคนยื่นภาษีแล้วได้เงินคืนเร็ว” แต่ทำไมหลายคนกลับได้ช้า และต้องขอเอกสารวุ่นวาย ที่จริงแล้วทางกรมสรรพากรจะใช้เวลาพิจารณาตามเอกสารและข้อมูลตามที่ผู้มีเงินได้ส่งมา ซึ่งหากว่าต้องการได้เงินภาษีเร็ว มีเคล็ดลับง่าย ๆ ดังนี้

 

ตรวจสอบข้อมูลให้ครบถ้วน

 

สิ่งแรกที่ทุกคนจะต้องทำคือ การเก็บเอกสารแสดงเงินได้ต่าง ๆ ให้ครบถ้วนและเป็นระเบียบ จากนั้นให้กรอกเอกสารทุกอย่างตามความเป็นจริงและครบถ้วน สามารถตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน และให้ส่งเอกสารที่แสดงเงินได้ให้ครบถ้วน โดยเฉพาะหากว่าเป็นรายได้อื่น ๆ ที่ไม่ใช่เงินเดือน

 

นอกจากเอกสารแสดงรายได้แล้ว เอกสารรายการลดหย่อนต่าง ๆ ก็ต้องชัดเจนและถูกต้องเช่นเดียวกัน บางคนใช้วิธีอนุญาตให้ทางบริษัทประกันและสถาบันทางการเงินเปิดเผยและส่งข้อมูลให้แก่กรมสรรพากร ก็จะช่วยย่นเวลาในการพิจารณาได้

 

ตรวจสอบสถานะการคืนภาษี

 

หลังจากที่ยื่นแบบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อย่าปล่อยทิ้งเอาไว้ ให้กลับเข้ามาตรวจสอบคืนภาษี ว่าสถานะการคืนภาษีอยู่ตรงไหนแล้ว เพราะกรมสรรพากรอาจจะมีการขอเอกสารเพิ่มเติม ซึ่งหากว่าส่งเอกสารให้พิจารณาเร็วเท่าไร ก็จะยิ่งทำให้ได้รับเงินคืนภาษีเร็วเท่านั้น

 

ในกรณีที่กรมสรรพากรขอเอกสารเพิ่มเติม ผู้มีเงินได้สามารถส่งเอกสารได้ผ่านช่องทางต่าง ๆ ดังนี้

 

● ส่งเอกสารด้วยตนเองที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่ตามภูมิลำเนา

● โทรสาร โดยให้ส่งตามหมายเลขที่ระบุในใบนำส่งเอกสาร

● ไปรษณีย์ ตามที่ระบุไว้ในใบนำส่งเอกสาร

● ผ่านเว็บไซต์ของกรมสรรพากร โดยอัปโหลดเอกสารทางอินเทอร์เน็ต โดยให้ล็อกอินตามขั้นตอน จากนั้นกด “ติดตามสถานะขอคืน/นำส่งเอกสาร” และให้เลือก “เอกสารเพื่อนำส่ง” จากนั้นกดเพิ่มไฟล์ โดยจะรับเฉพาะไฟล์นามสกุล JPG, BMP, PNG, TIF, PDF ที่มีขนาดไฟล์ไม่เกิน 3 MB และรวมกันทั้งหมดไม่เกิน 20MB ต่อครั้ง สามารถส่งได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง ในกรณีที่เป็นไฟล์ Pdf จะต้องไม่มีรหัสผ่านหรือ Secured

 

ตรวจสอบข้อมูลก่อนกดยืนยัน

 

นอกจากการใส่ข้อมูลที่ครบถ้วนแล้ว ให้ผู้ยื่นแบบตรวจสอบข้อมูลทุกอย่างให้ละเอียดอีกครั้ง เพื่อป้องกันความผิดพลาด เพราะหากใส่ข้อมูลผิด จะทำให้การได้เงินคืนภาษีล่าช้ากว่าเดิม อีกทั้งการตรวจสอบข้อมูลให้ถูกต้อง ยังจะช่วยให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้ง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น

 

ผูกบัญชีพร้อมเพย์กับบัตรประชาชน

 

ช่องทางในการรับเงินคืนภาษีมีด้วยกันทั้งหมด 3 ช่องทางคือ

 

1. บัญชีธนาคารที่ลงทะเบียนพร้อมเพย์ด้วยเลขประจำตัวประชาชน โดยจะโอนเข้าบัญชีธนาคารที่ผู้มีเงินได้ได้ลงทะเบียนเอาไว้ เป็นช่องทางที่ช่วยให้ได้รับเงินภาษีรวดเร็วและสะดวกที่สุด

2. ผ่านสาขาของธนาคารกรุงไทยและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร โดยกรมสรรพากรจะออกเอกสารเพื่อให้ไปติดต่อขอรับเงิน โดยจะโอนเงินเข้าธนาคารกรุงไทยหรือธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรของผู้ขอคืนภาษี

3. ผ่านเช็กธนาคาร สำหรับผู้ที่ไม่สามารถลงทะเบียนบัญชีพร้อมเพย์ด้วยเลขบัตรประชาชน ได้แก่ ชาวต่างชาติ ห้างหุ้นส่วนสามัญ คณะบุคคล วิสาหกิจชุมชน และกองมรดกที่ยังไม่ได้แบ่ง

 

สำหรับผู้ที่ได้รับเงินคืนภาษีแล้ว แต่อยากจะนำไปต่อยอดให้เงินงอกเงย หรืออยากสร้างวินัยการออม เพิ่มความมั่นคงทางการเงินในอนาคต แนะนำให้ซื้อประกันสะสมทรัพย์ PRUSavings Plus 10/4 จ่ายเบี้ยประกันสบาย ๆ เพียง 4 ปี เริ่มปีละ 10,000 บาท คุ้มครอง 10 ปี สามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้ เช็กเบี้ยประกันออนไลน์ได้เลย

  

ข้อมูลอ้างอิง

1. ขอเงินคืนภาษี

2. ยื่นขอคืนเงินภาษี ภ.ง.ด.90, ภ.ง.ด.91 ทำไมขอคืนภาษี แต่ไม่ได้รับเงิน