Date  
15th January 2024

หลายคนคงรู้กันดีอยู่แล้วว่า ‘การทำประกัน’ มีความสำคัญอย่างไรในปัจจุบัน แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าควรเลือกซื้อประกันแบบไหนดี ระหว่างประกันชีวิตกับประกันสุขภาพ ซึ่งหากจะพูดถึงความคุ้มครองแล้ว ประกันทั้งสองรูปแบบก็มีความแตกต่างกัน ทำให้การเลือกซื้อประกันทั้งสองอย่างเอาไว้อาจจะเหมาะสมที่สุด แต่หากใครที่ยังลังเลใจ ในบทความนี้ จะมาเปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียของประกันชีวิตกับประกันสุขภาพให้เห็นกันแบบชัด ๆ พร้อมไปรู้ถึงเหตุผลว่าทำไมเราถึงควรเลือกซื้อประกันทั้งสองรูปแบบ ติดตามกันได้เลย

 

รู้จักประกันชีวิต

 

ประกันชีวิตเปรียบเสมือนหลักประกัน ที่ช่วยให้ผู้เอาประกันไม่ต้องกังวลว่าหากต้องเสียชีวิตลง จะส่งผลกระทบต่อคนข้างหลัง เพราะอย่างน้อยยังสามารถส่งต่อความมั่นคงทางการเงินให้กับคนในครอบครัว เพื่อนำไปต่อยอดในอนาคตได้

 

ประกันชีวิต มีกี่ประเภท?

 

ประกันชีวิตมีรูปแบบที่ค่อนข้างหลากหลาย โดยสามารถแบ่งออกได้เป็น 5 ประเภท คือ

 

1. ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ ให้ความคุ้มครองเป็นเงินชดเชยในกรณีที่ผู้เอาประกันเสียชีวิตตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ รวมถึงยังเป็นการสะสมทรัพย์ เพื่อสร้างความมั่นคงทางการเงินได้อีกด้วย

 

2. ประกันชีวิตแบบควบการลงทุน ให้ความคุ้มครองกรณีที่ผู้เอาประกันเสียชีวิต ตามรายละเอียดที่ได้ระบุไว้ในกรมธรรม์ รวมถึงยังได้รับผลตอบแทนจากการที่บริษัทประกันภัย แบ่งเบี้ยประกันไปลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ ด้วย

 

3. ประกันชีวิตแบบกำหนดเวลา ให้ความคุ้มครองในกรณีที่ผู้เอาประกันเสียชีวิตเท่านั้น โดยไม่มีผลประโยชน์อื่นใดเพิ่มเติม

 

4. ประกันชีวิตแบบบำนาญ เป็นประกันที่นิยมทำไว้สำหรับผู้ที่ต้องการวางแผนเกษียณ โดยต้องส่งเบี้ยประกันตามระยะเวลาที่กำหนด และจะได้รับเป็นเงินคืนรายเดือนหรือรายปี ตามที่ได้ตกลงไว้ในกรมธรรม์

 

5. ประกันชีวิตแบบตลอดชีพ เป็นประกันที่ให้ความคุ้มครองในกรณีเสียชีวิตในระยะยาว หากผู้เอาประกันยังมีชีวิตอยู่เมื่อถึงเวลาที่กำหนดก็จะได้เงินคืน แต่หากเสียชีวิต เงินประกันก็จะถูกส่งต่อเป็นมรดกแก่ลูกหลานหรือผู้รับผลประโยชน์ที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ต่อไป

 

ประกันชีวิต มีข้อดี ข้อเสียอย่างไร?

 

ประกันชีวิต มีข้อดีคือเป็นทางเลือกในการออมทรัพย์ และเป็นหลักประกันทางการเงิน เมื่อถึงเวลาที่ต้องเกษียณอายุจากการทำงาน รวมถึงสามารถส่งต่อให้ผู้กับที่อยู่ข้างหลังหากต้องเสียชีวิตลง แต่มีข้อเสียคือไม่มีความคุ้มครองกรณีเจ็บป่วย เสี่ยงต่อการต้องนำเงินสำรองมาใช้จ่ายเป็นค่ารักษาพยาบาลหากเจ็บป่วย

 

รู้จักประกันสุขภาพ

 

ถึงแม้เราจะดูแลสุขภาพดีเพียงใด แต่ความเจ็บป่วยก็เป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน การทำประกันสุขภาพเอาไว้ จึงเป็นทางเลือกหนึ่งในการช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาล หากต้องเจ็บป่วยอย่างไม่คาดฝัน

 

ประกันสุขภาพ มีกี่ประเภท?

 

ประกันสุขภาพแบ่งออกเป็น 5 ประเภทหลัก ซึ่งแต่ละประเภทให้ความคุ้มครองที่แตกต่างกันออกไป ดังต่อไปนี้

 

1. ประกันสุขภาพผู้ป่วยใน เป็นประกันสุขภาพที่ให้ความคุ้มครองในกรณีที่ผู้เอาประกันได้รับการวินิจฉัยว่าต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลไม่น้อยกว่า 6 ชั่วโมง โดยจะครอบคลุมทั้งในส่วนของค่ารักษาพยาบาล ค่าห้อง ค่าอาหาร ซึ่งรายละเอียดจะแตกต่างกันไปตามแต่ละกรมธรรม์

 

2. ประกันสุขภาพผู้ป่วยนอก เป็นประกันสุขภาพที่ให้ความคุ้มครองในกรณีที่ผู้เอาประกันได้รับการตรวจวินิจฉัย และรักษาอาการเจ็บป่วย แต่ไม่ต้องพักฟื้นในโรงพยาบาล โดยจะครอบคลุมทั้งค่าตรวจรักษา ค่ายา ค่าอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่าง ๆ ตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์

 

3. ประกันสุขภาพโรคร้ายแรง เป็นประกันที่ให้ความคุ้มครองในกรณีที่ผู้เอาประกันได้รับการวินิจฉัยว่าเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรงตามที่ได้ระบุไว้ในกรมธรรม์ เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจ และอาการทางระบบประสาท ซึ่งต้องใช้ค่ารักษาพยาบาลที่สูงกว่าโรคทั่วไป

 

4. ประกันอุบัติเหตุ เป็นประกันที่ให้ความคุ้มครองในกรณีที่ผู้เอาประกันได้รับความบาดเจ็บทางร่างกายจากอุบัติเหตุ ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุเล็กน้อย อย่างมีดบาด หกล้ม ไปจนถึงอุบัติเหตุร้ายแรง เช่น รถชน ตกจากที่สูง จนเสี่ยงต่อการทุพพลภาพหรือเสียชีวิต

 

5. ประกันชดเชยรายได้ เป็นประกันที่ให้ความคุ้มครองในกรณีที่ผู้เอาประกันต้องสูญเสียรายได้ เนื่องจากต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล ซึ่งสินไหมทดแทนรายวันจะขึ้นอยู่กับข้อตกลงที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์

 

ประกันสุขภาพ มีข้อดี ข้อเสียอย่างไร?

  

ประกันสุขภาพ มีข้อดีคือ ให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาล ทั้งโรงพยาบาลรัฐบาลและเอกชน อีกทั้งยังสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ ส่วนข้อเสียคือ จะไม่ให้ครอบคลุมการรักษาในบางโรค เช่นโรคร้ายแรงต่าง ๆ ทำให้จำเป็นต้องจ่ายค่าเบี้ยที่เพิ่มขึ้น เพื่อให้ได้รับความคุ้มครองที่ครอบคลุม ทั้งยังไม่มีการปันผลคืนเป็นเงินออมด้วย

 

 

วิธีเลือกประกันชีวิตกับประกันสุขภาพ

 

● ควรเลือกประกันที่เหมาะสมกับตนเองและครอบครัว อย่างเช่น ถ้าตนเองและครอบครัว ไม่มีสิทธิหรือสวัสดิการในการรักษาพยาบาลอื่น ๆ ก็ควรทำประกันสุขภาพเอาไว้ เพื่อเพิ่มความอุ่นใจ หรือถ้าเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ต้องการสร้างความมั่นคงทางการเงินไว้ให้กับคนข้างหลัง การเลือกประกันชีวิตก็นับว่าตอบโจทย์ได้อย่างลงตัว

 

● ควรเลือกประกันที่ให้ความคุ้มครองครอบคลุม เพื่อเป็นการสร้างหลักประกัน ว่าหากต้องเจ็บป่วยจะมีเงินจ่ายค่ารักษาพยาบาลอย่างเพียงพอ หรือในกรณีที่เสียชีวิต คนที่ยังอยู่จะสามารถใช้ชีวิตต่อไปได้

 

● ควรเลือกประกันจากความพร้อมในการจ่ายค่าเบี้ย ควรสำรวจตนเอง ว่ามีสภาพคล่องทางการเงินเพียงพอต่อการชำระค่าเบี้ยให้ตรงตามกำหนดหรือไม่ เพราะถ้าผิดนัดชำระค่าเบี้ยหลายครั้ง จะส่งผลให้ไม่ได้รับความคุ้มครอง และต้องสูญเสียค่าเบี้ยประกันที่ชำระไปแล้วอย่างเปล่าประโยชน์

 

เหตุผลที่ควรซื้อทั้งประกันชีวิตและประกันสุขภาพ

  

● ความคุ้มครองที่ครอบคลุมมากที่สุด เพราะผู้เอาประกันจะได้รับทั้งค่ารักษาพยาบาลในกรณีที่เจ็บป่วย และได้รับเงินชดเชยในกรณีที่เสียชีวิต

 

● เพิ่มความมั่นคงทางการเงิน อุ่นใจได้ว่าเมื่อเจ็บป่วยจะมีค่ารักษาพยาบาล หรือหากต้องเสียชีวิตก็จะมีเงินก้อนทิ้งไว้ให้กับลูกหลาน

 

● หากตัดสินใจซื้อประกันสุขภาพภายหลัง หรือเริ่มเจ็บป่วยแล้วจะทำไม่ได้ การทำประกันชีวิตกับประกันสุขภาพไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ยังช่วยให้ไม่ต้องจ่ายเบี้ยแพง และมีความคุ้มค่ามากยิ่งขึ้นด้วย

 

ทั้งหมดนี้คงทำให้ทุกคนเข้าใจถึงความแตกต่างและความสำคัญของการประกันชีวิตกับประกันสุขภาพกันมากขึ้น และสำหรับใครที่กำลังมองหาประกันชีวิตและประกันสุขภาพที่ให้ความคุ้มครองที่คุ้มค่า แต่ราคาค่าเบี้ยไม่แพง มาเลือกซื้อประกันชีวิตกับประกันสุขภาพจาก Prudential มีให้เลือกหลากหลายแผนตามความต้องการ ซื้อออนไลน์ได้เลย

  

ข้อมูลอ้างอิง:

1. Life vs. Health Insurance: Choosing What to Buy. สืบค้นเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2567 จาก https://www.investopedia.com/articles/personal-finance/100115/life-vs-health-insurance-choosing-what-buy.asp

2. Life Insurance vs. Health Insurance: Key Differences. สืบค้นเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2567 จาก https://www.forbes.com/advisor/health-insurance/life-insurance-vs-health-insurance/