หากต้องการออมเงินเพื่อสร้างความมั่นคงในอนาคต การออมเงินด้วยการฝากออมทรัพย์ธรรมดา กับการทำประกันออมเงิน แบบไหนดีกว่ากัน คงเป็นสิ่งที่หลายคนกำลังสงสัย ดังนั้น เพื่อให้สามารถตัดสินใจได้ง่ายขึ้น เราจะมาเปรียบเทียบความต่างระหว่างประกันสะสมทรัพย์ VS เงินฝากออมทรัพย์ธรรมดา ให้ได้รู้กันแบบชัด ๆ ที่นี่เลย
ประก ันชีวิตแบบสะสมทรัพย์คือ ประกันชีวิตที่เน้นการออมเงินระยะยาวควบคู่ไปกับความคุ้มครองชีวิต โดยผู้เอาประกันภัยจะต้องจ่ายเบี้ยประกันภัยเป็นงวด ๆ ตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ เมื่อครบกำหนดสัญญา ผู้เอาประกันภัยจะได้รับเงินคืนเป็นเงินก้อนพร้อมกับผลตอบแทนตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์
เป็นการฝากเงินกับธนาคารพาณิชย์ หรือสหกรณ์ออมทรัพย์ โดยไม่มีการกำหนดระยะเวลาในการฝาก ผู้ฝากสามารถฝากหรือถอนเงินได้ทุกเมื่อ ในวันและเวลาทำการของธนาคาร โดยเงินฝากออมทรัพย์จะได้รับดอกเบี้ยจากธนาคาร
การออมเงินเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกคน ซึ่งแต่ละคนล้วนมีปัจจัยในการเลือกที่แตกต่างก ัน โดยแต่ละแบบก็มีจุดเด่นและจุดด้อย รวมถึงเป้าหมายทางการเงินที่ควรคำนึงถึงที่ต่างกันไปด้วย ดังนี้
แน่นอนว่าการฝากเงินแบบออมทรัพย์ เปรียบเสมือนการนำเงินไปให้สถาบันการเงินช่วยดูแล ถือเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำมาก เนื่องจากผู้ฝากเงินจะได้รับความคุ้มครองโดยอัตโนมัติทันทีที่เปิดบัญชีเงินฝากกับสถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝาก 1 ล้านบาท ต่อ 1 ราย ต่อ 1 สถาบันการเงิน ทำให้มั่นใจได้ว่าผู้ฝากเงินจะได้รับเงินฝากคืนภายในวงเงินและระยะเวลาที่กำหนดตามกฎหมาย หากสถาบันการเงินที่ได้รับการคุ้มครองปิดกิจการ
ซึ่งในส่วนนี้ประกันสะสมทรัพย์อาจมีความเสี่ยงมากกว่าการฝากเงินแบบออมทรัพย์เล็กน้อย ขึ้นอยู่กับประเภทของกรมธรรม์และบริษัทประกันภัย แต่โดยทั่วไปแล้ว ประกันสะสมทรัพย์ก็ยังถือว่ามีความเสี่ยงต่ำกว่าประกันประเภทอื่นอยู่มาก โดยสามารถลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้จากการเลือกบริษัทประกันภัยที่มีสถานะทางการเงินมั่นคง พร้อมแผนประกันที่เหมาะสมกับความต้องการและกำลังจ่าย
อย่างที่รู้กันดีว่าการฝากเงินแบบออมทรัพย์สามารถถอนเงินได้ทุกเมื่อโดยไม่ต้องแจ้งล่วงหน้า ซึ่งสามารถกดเงินผ่านตู้ ATM หรือทำธุรกรรมผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ได้โดยสะดวก แตกต่างจากประกันสะสมทรัพย์ ที่โดยทั่วไปแล้ว ผู้เอาประกันจะต้องรอจนครบกำหนดสัญญาจึงจะสามารถถอนเงินได้เต็มจำนวน หากต้องการถอนเงินก่อนครบกำหนดสัญญา อาจจะได้รับเงินไม่ครบตามตกลง หรืออาจจะถูกเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม
ในปัจจุบ ัน ดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ต่ำสุดและสูงสุดของธนาคารพาณิชย์จดทะเบียนในประเทศ อยู่ที่ 0.1250 - 2.0% ต่อปี โดยผู้ฝากจะได้รับดอกเบี้ยตามยอดเงินฝากคงเหลือ แต่ประกันสะสมทรัพย์จะได้รับผลตอบแทนเมื่อครบอายุสัญญา ตามผลการดำเนินงานของบริษัทประกันภัยและแผนประกันที่เลือก หรือได้รับเงินคืนระหว่างทางที่จะระบุผลตอบแทนเอาไว้แน่นอนตั้งแต่ก่อนทำประกันภัย ซึ่งโดยรวมแล้วอาจจะมีผลตอบแทนที่สูงกว่าการฝากเงินแบบออมทรัพย์
สิทธิประโยชน์ทางภาษีเป็นเรื่องที่หลายคนมักมองข้าม แต่มีความสำคัญมากกว่าที่คิด โดยสามารถนำค่าเบี้ยฯ ประกันสะสมทรัพย์ที่มีอายุกรมธรรม์มากกว่า 10 ปีขึ้นไป มาลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท ซึ่งการฝากเงินแบบออมทรัพย์จะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่สามารถ นำมาลดหย่อนได้
ในแง่ความคุ้มครองของผู้เอาประกันภัย ประกันสะสมทรัพย์จะให้ความคุ้มครองชีวิต ในกรณีที่ผู้เอาประกันเสียชีวิตระหว่างสัญญา ซึ่งผู้รับประโยชน์ จะได้รับเงินสินไหมทดแทนตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ โดยเงินสินไหมทดแทนนี้สามารถนำไปใช้จ่ายได้ เช่น หนี้สิน ค่าเล่าเรียน ค่ารักษาพยาบาล แตกต่างจากการฝากเงินออมทรัพย์ธรรมดาที่ถึงแม้เงินฝากทั้งหมดจะตกเป็นของทายาทตามกฎหมาย แต่จะไม่ได้รับความคุ้มครองด้านชีวิต หรือเงินสินไหมทดแทนแต่อย่างใด
เมื่อได้รู้ความต่างระหว่างประกันสะสมทรัพย์ VS เงินฝากออมทรัพย์ธรรมดากันไปแล้ว หลายคน อาจเริ่มสนใจประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ที่เปรียบเสมือนการวางแผนลงทุนระยะยาวเพื่ออนาคตกันมากขึ้น ซึ่งอาจต้องอาศัยปัจจัยหลายอย่างประกอบกันในการตัดสินใจเลือกซื้อ โดยสามารถพิจารณาจากปัจจัย ดังต่อไปนี้
ก่อนอื่น ผู้ซื้อควรสำรวจและกำหนดเป้าหมายในการออมเงินให้ชัดเจน ว่าต้องการออมเงินเพื่ออะไร เช่น ออมเงินเพื่อการศึกษา ออมเงินเพื่อเกษียณอายุ ออมเงินเพื่อสร้างกองทุนสำรองฉุกเฉิน หรือเพื่อเป็นมรดกตกทอดให้กับครอบครัว ซึ่งการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนจะช่วยให้สามารถเลือกแผนประกันที่มีระยะเวลาการออม ผลตอบแทน และความคุ้มครองที่เหมาะสมตรงกับความต้องการได้มากที่สุด
โดยทั่วไป เบี้ยประกันภัย จะขึ้นอยู ่กับหลายปัจจัย เช่น อายุ สุขภาพ วงเงินคุ้มครอง รวมถึงระยะเวลาการออม ซึ่งผู้ซื้อจะต้องจ่ายเบี้ยประกันภัยเป็นระยะเวลาตามที่ระบุในกรมธรรม์อย่างสม่ำเสมอ ก่อนตัดสินใจเลือกประกันสะสมทรัพย์จึงควรพิจารณาความสามารถในการจ่ายเบี้ยประกันภัยอย่างรอบคอบ โดยควรเลือกที่สามารถจ่ายไหวในระยะยาวโดยไม่กระทบต่อสภาพคล่องทางการเงิน
ปัจจุบันมีบริษัทประกันภัยมากมาย ซึ่งแต่ละบริษัทมีจุดเด่นจุดด้อย รวมถึงแผนประกันที่แตกต่างกันออกไป แต่เนื่องจากประกันสะสมทรัพย์เป็นการลงทุนในระยะยาว จึงควรศึกษาข้อมูลบริษัทประกันอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลสถานะทางการเงิน ประวัติการจ่ายเงินสินไหมทดแทน บริการหลังการขาย และความมั่นคงของบริษัท เพื่อให้มั่นใจว่าเงินจะได้รับความคุ้มครองอย่างปลอดภัยในระยะยาว
เมื่อรู้กันไปแล้วว่าการฝากเงินแบบออมทรัพย์กับประกันสะสมทรัพย์ต่างกันอย่างไร คงทำให้ตัดสินใจเลือกวิธีการออมเงินกันได้ง่ายขึ้น และสำหรับคนที่ต้องการซื้อประกันสะสมทรัพย์กับบริษัทที่มีความน่าเชื่อถือ สามารถมาเลือกซื้อ PRUSavings Plus 10/4 จากพรูเด็นเชียล ประกันชีวิต ที่จ่ายเบี้ยฯ เริ่มต้นเพียง 10,000 บาทต่อปี และจ่ายเบี้ยฯ สั้นเพียง 4 ปี ก็จะได้รับความคุ้มครองถึง 10 ปี โดยมีเงินคืนทุกปี ปีละ 5%* เมื่อครบ 10 ปี รับเงินก้อน 410% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย อีกทั้งยังสามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้ สนใจซื้อผ่านออนไลน์ได้เลย
หมายเหตุ : *ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
ข้อมูลอ้างอิง
2. อัตราดอกเบี้ยประจำวันของธนาคารพาณิชย์