เมื่อเกิดอุบัติเหตุ สิ่งที่ตามมานอกจากความสูญเสียทางร่างกายและจิตใจแล้ว ยังต้องแบกรับภาระค่ารักษาพยาบาลที่สูงเกินกว่าที่คาดคิด อีกทั้งบางรายยังอาจต้องสูญเสียรายได้ในระหว่างการพักฟื้น ส่งผลกระทบต่อทั้งตนเองและครอบครัว ดังนั้น การมีประกันภัย PA จึงเป็นเสมือนเกราะป้องกันที่ช่วยบรรเทาภาระทางการเงินในยามเกิดเหตุที่ไม่คาดฝัน และทำให้คุณมั่นใจว่าจะได้รับการดูแลอย่างเต็มที่โดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย
ประกันภัย PA คือการประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (Personal Accident Insurance) ที่ให้ความคุ้มครองชีวิตและร่างกายของผู้เอาประกันภัยในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ โดยจะให้ความคุ้มครองในการจ่ายค่าสินไหมทดแทนเมื่อเกิดการบาดเจ็บ เสียชีวิต หรือทุพพลภาพจากอุบัติเหตุ
โดยทั่วไปแล้ว ประกันภัย PA มักมุ่งเน้นความคุ้มครองเฉพาะกรณีเกิดอุบัติเหตุเท่านั้น จึงมีราคาถูกกว่าประกันสุขภาพทั่วไป และไม่จำเป็นต้องตรวจสุขภาพก่อนทำประกันภัยประเภทนี้
ความคุ้มครองที่ได้รับจากประกันภัย PA จะครอบคลุมหลายด้าน ได้แก่
● การเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ทายาทจะได้รับเงินชดเชยตามจำนวนเอาประกันภัยที่เลือกไว้
● ทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง ผู้ที่ได้รับผลประโยชน์จากประกันภัยจะได้รับเงินก้อนเพื่อชดเชยรายไ ด้ที่สูญเสียไป
● ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุตามวงเงินที่กำหนด
● ผลประโยชน์เพิ่มเติมอื่น ๆ เช่น ค่าชดเชยรายวันระหว่างพักรักษาตัวในโรงพยาบาล
ค่ารักษาพยาบาลมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี การทำประกันภัย PA เอาไว้ จะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิดได้
เบี้ยประกันภัยมีราคาไม่สูงมากเมื่อเทียบกับความคุ้มครองที่ได้รับ เฉลี่ยเพียงวันละไม่กี่บาท แต่ให้ความคุ้มครองสูงถึงหลายแสนบาท
ช่วยสร้างความมั่นคงทางการเ งินให้ครอบครัว หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่ส่งผลต่อความสามารถในการหารายได้
● ลักษณะการประกอบอาชีพและความเสี่ยง
อาชีพที่แตกต่างกันย่อมมีระดับความเสี่ยงไม่เท่ากัน เช่น พนักงานออฟฟิศอาจมีความเสี่ยงน้อยกว่าคนงานก่อสร้าง หรือพนักงานขับรถส่งของ บริษัทประกันภัยจะแบ่งกลุ่มอาชีพตามระดับความเสี่ยงและกำหนดเบี้ยประกันภัยตามความเสี่ยงนั้น ผู้ที่ประกอบอาชีพที่มีความเสี่ยงสูงจึงควรเลือกทุนประกันภัยที่สูงขึ้นเพื่อให้เพียงพอต่อความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
● รายได้และภาระทางการเงิน
ควรพิจารณาจากรายได้ปัจจุบันและภาระที่ต้องรับผิดชอบ เช่น ภาระผ่อนบ้าน ค่าเทอมบุตร หรือค่าใช้จ่ายประจำขอ งครอบครัว ยิ่งถ้าคุณเป็นเสาหลักของครอบครัวด้วยควรเลือกจำนวนเอาประกันภัยที่สูงพอที่จะดูแลครอบครัวได้อย่างน้อย 3-5 ปี ในกรณีที่เกิดเหตุไม่คาดฝัน นอกจากนี้ ยังต้องคำนึงถึงความสามารถในการจ่ายเบี้ยประกันภัยด้วยเช่นกัน เพื่อให้สามารถรักษากรมธรรม์ไว้ได้อย่างต่อเนื่อง
● อายุและสถานะครอบครัว
อายุมีผลต่อความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุและการฟื้นตัวหลังเกิดอุบัติเหตุ ผู้ที่มีอายุมากขึ้นอาจต้องการความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลที่สูงขึ้น ขณะที่คนโสดอาจเน้นความคุ้มครองส่วนบุคคล แต่ผู้ที่แต่งงานและมีบุตรแล้ว ควรพิจารณาจำนวนเอาประกันภัยที่สูงขึ้นเพื่อเป็นหลักประกันให้แก่ครอบครัว รวมถึงอาจพิจารณาซื้อความคุ้มครองเพิ่มเติมสำหรับสมาชิกในครอบครัวด้วย
● ความคุ้มครองหรือสวัสดิการที่มีอยู่แล้ว
ควรสำรวจว่า ตนเองมีประกันภัยหรือสวัสดิการใดอยู่แล้วบ้าง เช่น ประกันสังคม ประกันกลุ่ม ประกันชีวิตและสุขภาพเพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนและสิ้นเปลืองค่าใช้จ่าย แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องมั่นใจว่าความคุ้มครองที่มีนั้นเพียงพอต่อความต้องการ หรือหากทำประกันภัย PA เพิ่มเติมจะช่วยอุดช่องว่างของความคุ้มครองที่ยังขาดอยู่ ก็จะทำให้ได้รับความคุ้มครองที่ครอบคลุมยิ่งขึ้น
การพิจารณาปัจจัยเหล่านี้อย่างรอบคอบ จะช่วยให้สามารถเลือกแผนประกันภัย PA ที่เหมาะสมกับความต้องการและความสามารถในการจ่ายค่าเบี้ยฯ ทั้งยังทำให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากการทำประกันภัย และได้รับความคุ้มครองที่ครอบคลุมเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันได้อย่างแท้จริง
วิธีการคำนวณจำนวนเอาประกันภัยที่เหมาะกับการใช้ชีวิต ควรคำนวณจากรายได้ต่อปีแล้วคูณด้วย 3-5 ปี เพื่อเป็นหลักประกันรายได้ให้แก่ครอบครัว อีกทั้งยังจะต้องคำนึงถึงความคุ้มครองในด้านค่ารักษาพยาบาลที่ต้องเพียงพอกับค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้น
● ตรวจสอบเงื่อนไขความคุ้มครองและข้อยกเว้นให้ละเอียด
● พิจารณาฐานะการเงินและความน่าเชื่อถือของบริษัทประกันภัย
● ศึกษาขั้นตอนและระยะเวลาในการเรียกร้องค่าสินไหม
● ตรวจสอบอายุและอาชีพ ว่าอยู่ในคุณสมบัติที่บริษัทประกันภัยจะรับทำประกันภัย
สำหรับผู้ที่กำลังมองหาแผนประกันภัยที่คุ้มค่า ประกันภัย PA ที่ให้ความคุ้มครองเพียงแค่อุบัติเหตุอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ ดังนั้นจึงควรเลือกแผนประกันภัยที่คุ้มครองครอบคลุมทั้งการเกิดอุบัติเหตุและปัญหาสุขภาพจากโรคต่าง ๆ เพื่อการใช้ชีวิตอย่างอุ่นใจ
PRUe-Healthcare Plus เป็นผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตและสุขภาพที่ให้ความคุ้มครองครอบคลุมทั้งกรณีผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอก และค่ารักษาพยาบาลจากการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ โดยมีจุดเด่นดังนี้
ความคุ้มครองหลัก
● ผู้ป่วยใน (IPD)
○ วงเงินสูงสุด 500,000 บาทต่อปี
○ ค่าห้องและค่าอาหารสูงสุด 5,000 บาทต่อวัน (365 วัน)
○ กรณีรักษาตัวในห้อง ICU จะได้รับวงเงินค่าห้องเพิ่มเป็น 2 เท่า (สูงสุด 90 วัน)
○ ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาล ค่าผ่าตัด และค่าแพทย์ตามจริง ทั้งจากการเจ็บป่วย หรือจากการบาดเจ็บ
● ผู้ป่วยนอก (OPD)
○ ค่ารักษาพยาบาลสูงสุด 1,600 บาทต่อครั้ง
○ รวมค่าตรวจวินิจฉัยก่อนและหลังการเข้าพักรักษา
○ ครอบคลุมการรักษาอุบัติเหตุฉุกเฉินภายใน 24 ชั่วโมง
ที่สำคัญประกันสุขภาพ PRUe-Healthcare Plus มีความยืดหยุ่นในการเลือกแผนความคุ้มครอง ที่สามารถเลือกรับความคุ้มครองเพิ่มเติมได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะเป็น
● ความคุ้มครองโรคมะเร็ง
● ความคุ้มครอง 4 โรคร้ายแรง (กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน โรคหลอดเลือดสมอง ไตวายเรื้อรัง รวมไปถึงภาวะโคมา)
● ค่าชดเชยรายวันกรณีเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
ด้วยความคุ้มครองที่ครอบคลุมและค่าเบี้ยฯ ที่เริ่มต้นเพียง 14 บาทต่อวัน* ทำให้ PRUe-Healthcare Plus เป็นทางเลือกที่คุ้มค่าสำหรับการวางแผนประกันสุขภาพ โดยไม่ต้องผ่านการตรวจสุขภาพ เพียงตอบคำถามสุขภาพสั้น ๆ และสามารถปรับแต่งแผนประกันสุขภาพได้ตามความเสี่ยงและความต้องการของแต่ละบุคคล
*ก รณีเพศชาย อายุ 30 ปี แผนความคุ้มครอง 1 เลือก Deductible 60,000 บาท
*เงื่อนไขความคุ้มครองเป็นไปตามที่กรมธรรม์กำหนด ความคุ้มครองขึ้นกับแผนประกันที่เลือก
อุบัติเหตุเป็นสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดและอาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ การมีประกันภัย PA จึงเป็นการวางแผนป้องกันความเสี่ยงที่ชาญฉลาด โดยเฉพาะในยุคที่ค่ารักษาพยาบาลสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้คุณใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น รวมถึงตัวเลือกอย่างการทำประกันสุขภาพออนไลน์ PRUe-Healthcare Plus ประกันชีวิตและสุขภาพจากพรูเด็นเชียล ประกันชีวิต ที่พร้อมเป็นเกราะคุ้มครองให้คุณและคนที่รัก โดยจะได้รับผลประโยชน์ทั้งในกรณีผู้ป่วยใน-ผู้ป่วยนอก ทั้งจากการเจ็บป่วยหรือบาดเจ็บ และผลประโยชน์กรณีเสียชีวิตในกรมธรรม์เดียว
ข้อมูลอ้างอิง