สำหรับคนที่กำลังเผชิญกับปัญหาขาดสภาพคล่องทางการเงิน และเข้าสู่สถานการณ์หาเงินจ่ายค่าเบี้ยประกันชีวิตในปีต่ออายุไม่ทัน หรือจ่ายต่อไม่ไหว อย่าเพิ่งถอดใจและทำการยกเลิกสัญญาประกันชีวิตนั้นไปเสียก่อน เพราะรู้หรือไม่ว่า การยกเลิกสัญญาอาจทำให้คุณต้องสูญเสียประโยชน์มากมายที่ควรจะได้รับ เพื่อช่วยให้คนที่กำลังเผชิญกับสถานการณ์นี้อยู่ คลายความกังวล และมองเห็นหนทางแก้ปัญหาได้ง่ายขึ้น เราจะมาบอกถึงวิธีรับมือหากจ่ายเบี้ยประกันชีวิตไม่ไหวให้ได้รู้กัน
หากกำลังเผชิญกับปัญหาทางการเงินชั่วคราว ทำให้ไม่สามารถชำระเบี้ยประกันชีวิตได้ การขอผ่อนผันการชำระเบี้ยประกันออกไปก่อน นับเป็นทางออกที่ดี เนื่องจากบริษัทประกันส่วนใหญ่มีนโยบายผ่อนผันการชำระเบี้ยประกันให้แก่ลูกค้า โดยทั่วไปจะให้ระยะเวลาผ่อนผันประมาณ 30-31 วัน หรือขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละบริษัท รวมถึงรูปแบบของกรมธรรม์ โดยมีข้อควรรู้ดังนี้
● ในช่วงระยะเวลาผ่อนผัน ยังคงได้รับความคุ้มครองตามกรมธรรม์
● หากเกิดเหตุการณ์ที่ต้องเคลมประกันในช่วงระยะเวลาผ่อนผัน บริษัทจะหักค่าเบี้ยประกันที่ค้างชำระออกจากเงินสินไหม
การปรับเปลี่ยนงวดการชำระเบี้ยประกันชีวิต เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้สามารถจัดการค่าใช้จ่ายค่าเบี้ยประกันได้ง่ายขึ้น เช่น เปลี่ยนจากชำระรายปี เป็นรายเดือน หรือรายไตรมาส ซึ่งจะช่วยกระจายภาระค่าใช้จ่ายให้เบาลง โดยมีข้อควรพิจารณา คือ
● การชำระเบี้ยประกันรายเดือนอาจมีดอกเบี้ยเพิ่มเติม
● ตรวจสอบเงื่อนไขกับบริษัทประกันก่อนตัดสินใจเปลี่ยนแปลง
หากยังต้องการความคุ้มครอง แต่ไม่สามารถจ่ายเบี้ยประกันชีวิตในอัตราเดิมได้ การลดจำนวนเงินเอาประกันภัยอาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสม เนื่องจากวิธีนี้จะช่วยลดค่าเบี้ยประกันลง แต่ยังคงได้รับความคุ้มครองตามกรมธรรม์อีกด้วย แต่มีสิ่งที่ควรคำนึงถึง คือ
● พิจารณาความต้องการความคุ้มครองของคุณและคร อบครัวอย่างรอบคอบ
● ปรึกษาตัวแทนประกันชีวิตเพื่อหาจำนวนเงินเอาประกันภัยที่เหมาะสมกับสถานะทางการเงินปัจจุบัน
สำหรับบางกรมธรรม์ ที่มีการชำระเบี้ยมาแล้วเป็นระยะเวลาหนึ่ง ผู้เอาประกันที่มีปัญหาในการจ่ายค่าเบี้ยฯ สามารถใช้วิธีการเปลี่ยนสถานะไปเป็นกรมธรรม์ใช้เงินสำเร็จ โดยผู้เอาประกันจะได้รับค่าเวนคืนกรมธรรม์เข้ามาในระบบ หลังจากนั้นบริษัทประกันจะตัดเงินที่ได้จากการเวนคืนนี้ ไปจ่ายเป็นค่าเบี้ยประกันที่เหลือตามเงื่อนไขที่กำหนด และกรมธรรม์จะสิ้นสุดลง แต่จะยังคงได้รับความคุ้มครองตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ ซึ่งสามารถจำแนกข้อดี-ข้อจำกัด ของวิธีการนี้ได้ ดังนี้
ข้อ ดี
● ไม่ต้องจ่ายเบี้ยประกันอีก
● ยังคงได้รับความคุ้มครองชีวิต แม้จำนวนเงินจะลดลง
ข้อจำกัด
● จำนวนเงินเอาประกันภัยจะลดลงอย่างมาก
● อาจสูญเสียสิทธิประโยชน์บางอย่างตามกรมธรรม์เดิม
อีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่มีปัญหาการชำระค่าเบี้ยประกันชีวิต คือถ้าหากกรมธรรม์ที่มีมูลค่า เนื่องจากมีการชำระเบี้ยมาแล้วเป็นระยะเวลาหนึ่ง สามารถใช้วิธีการเปลี่ยนเป็นกรมธรรม์แบบขยายเวลา โดยจะช่วยให้ไม่ต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันอีก แต่เป็นการเอามูลค่าที่มีในกรมธรรม์ ไปซื้อความคุ้มครองชีวิตแบบชั่วคราว เพื่อคงจำนวนเงินเอาประกันภัยเท่าเดิม แต่ระยะเวลาคุ้มครองจะสั้นลงตามมูลค่าของกรมธรรม์ที่มี โดยข้อดีและข้อจำกัดของการเลือกวิธีนี้ มีดังนี้
ข้ อดี
● ไม่ต้องจ่ายเบี้ยประกันเพิ่ม
● ยังได้รับความคุ้มครองเต็มจำนวนในระยะเวลาที่กำหนด
ข้อจำกัด
● เมื่อครบกำหนดระยะเวลา ความคุ้มครองจะสิ้นสุดลง
● อาจสูญเสียผลประโยชน์อื่น ๆ ของกรมธรรม์เดิม เช่น เงินปันผล หรือเงินคืนตามกรมธรรม์
สำหรับวิธีสุดท้ายที่สามารถทำได้ หากไม่มีเงินชำระค่าเบี้ยประกันชีวิต คือการกู้กรมธรรม์ประกันชีวิต โดยเป็นการกู้เงินจากกรมธรรม์ เพื่อนำมาจ่ายเบี้ยประกัน ซึ่งการกู้กรมธรรม์ประกันชีวิตนั้นต้องเป็นกรมธรรม์ที่มีการชำระเบี้ยมาแล้วระยะหนึ่ง หรือตรงตามเงื่อนไขที่บริษัทประกันภัยกำหนด แต่ทั้งนี้ มีข้อดีและข้อควรระวังคือ
ข้อดี
● อัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าการกู้เงินจากแหล่งอื่น
● ไม่มีการตรวจสอบเครดิต