Date  
16th June 2025

เมื่อต้องยื่นภาษี หลายคนอาจเริ่มตั้งคำถามเกี่ยวกับการชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ทั้งในแง่ของภาระที่ต้องจ่ายและสิทธิที่จะได้รับคืน โดยเฉพาะในปัจจุบันที่มีมาตรการอำนวยความสะดวกให้ผู้เสียภาษีสามารถผ่อนจ่ายภาษี หรือขอคืนภาษีได้ง่ายและมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม ซึ่งหากสามารถวางแผนล่วงหน้าและทำความเข้าใจขั้นตอนอย่างละเอียด การจัดการภาษีก็จะไม่ใช่เรื่องน่ากังวลอีกต่อไป

 

การผ่อนชำระภาษี คืออะไร ?

 

การผ่อนชำระภาษี (Tax Installment) คือสิทธิที่กรมสรรพากรมอบให้กับผู้มีเงินได้ที่มีภาระภาษีจำนวนมากและไม่สามารถชำระเป็นเงินก้อนในคราวเดียว โดยสามารถแบ่งจ่ายเป็นงวด ๆ ได้ตามเงื่อนไขที่กำหนด ซึ่งสิทธิในการผ่อนภาษีนี้ เป็นการช่วยเหลือผู้เสียภาษีที่อาจประสบปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน โดยเฉพาะในช่วงที่ต้องชำระภาษีจำนวนมาก ทำให้สามารถบริหารกระแสเงินสดได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

 

เงื่อนไขในการขอผ่อนภาษี

 

● สามารถขอผ่อนภาษีได้ทั้งจากการยื่นภาษีออนไลน์ผ่านทางเว็บไซต์ของกรมสรรพากรและสำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขา (ยื่นภาษีแบบกระดาษ)

 

● ยื่นแบบภายในระยะเวลาที่กรมสรรพากรกำหนด ซึ่งโดยปกติจะเป็นช่วงเดือนมกราคม - มีนาคม ของปีถัดไป

 

● ต้องมีภาษีที่ต้องชำระตั้งแต่ 3,000 บาทขึ้นไป

 

● สามารถแบ่งชำระได้ 3 งวดเท่า ๆ กัน โดยไม่เสียเบี้ยปรับเงินเพิ่ม หากชำระครบตามกำหนดเวลา ดังนี้

    ○ งวดที่ 1 ชำระพร้อมกับการยื่นแบบแสดงรายการ

    ○ งวดที่ 2 ชำระภายใน 1 เดือนนับแต่วันที่ต้องชำระงวดที่ 1

    ○ งวดที่ 3 ชำระภายใน 1 เดือนนับแต่วันที่ต้องชำระงวดที่ 2

 

● หากไม่ได้ชำระภาษีงวดใดงวดหนึ่งภายในกำหนดเวลาดังกล่าว ผู้เสียภาษีจะหมดสิทธิในการชำระภาษีเป็นรายงวดและต้องเสียเงินเพิ่มในอัตราร้อยละ 1.5 ต่อเดือน

 

  

การขอคืนภาษี ลดภาระ-เพิ่มโอกาสคืนเงิน

 

นอกจากการผ่อนจ่ายภาษี อีกสิ่งที่ควรศึกษาก่อนการยื่นภาษี ได้แก่ การขอคืนภาษี ซึ่งเป็นสิทธิที่ผู้เสียภาษีสามารถทำได้ โดยเฉพาะหากมีการชำระภาษีเกินจากยอดที่ควรชำระตามจริง ซึ่งมักเกิดจากการใช้สิทธิหักลดหย่อนภาษีต่าง ๆ เช่น เบี้ยประกันชีวิต เบี้ยประกันสุขภาพ การลงทุนในกองทุน SSF, RMF ซึ่งถือเป็นหนึ่งในเทคนิคสำคัญของการวางแผนการเงินส่วนบุคคล ด้วยประโยชน์เหล่านี้

 

● ลดภาระภาษีที่ต้องจ่ายจริง เนื่องจากการใช้สิทธิลดหย่อนอย่างเต็มที่จะช่วยลดจำนวนภาษีที่ต้องชำระ ทำให้เหลือเงินสำหรับการใช้จ่ายในด้านอื่นมากยิ่งขึ้น

● เพิ่มโอกาสในการขอคืนภาษี การวางแผนใช้สิทธิลดหย่อนอย่างเป็นระบบจะช่วยเพิ่มโอกาสในการได้รับเงินคืนภาษี โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีการหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้แล้ว

● ช่วยบริหารกระแสเงินสดได้ดีขึ้นในช่วงต้นปี การได้รับเงินคืนภาษีในช่วงต้นปีจะช่วยเสริมสภาพคล่องทางการเงิน ทำให้สามารถนำไปใช้ในการลงทุน หรือชำระหนี้สินได้

  

  

วางแผนขอคืนภาษี 2568 อย่างไรให้คุ้มค่า !

 

การวางแผนเพื่อขอคืนภาษีไม่ควรทำในช่วงเวลาใกล้ยื่นแบบเท่านั้น แต่ควรเริ่มตั้งแต่ต้นปี โดยการวางแผนที่ดีต้องเริ่มจากการวิเคราะห์รายได้ทั้งหมดในแต่ละปี ควบคู่กับการพิจารณาสิทธิประโยชน์ทางภาษี เพื่อให้ได้รับการลดหย่อนอย่างเต็มที่ เพื่อให้สามารถขอเงินภาษีคืนได้

 

กลยุทธ์การวางแผนภาษี

 

● คำนวณรายได้ทั้งปีล่วงหน้า เริ่มต้นด้วยการประมาณรายได้ทั้งปี รวมทั้งเงินเดือน โบนัส รายได้จากการลงทุน และรายได้อื่นเพื่อใช้เป็นฐานในการคำนวณภาษีที่ต้องจ่าย โดยสามารถทำได้สะดวกผ่านโปรแกรมคำนวณภาษีทางออนไลน์หลากหลายช่องทาง

● วางแผนการใช้สิทธิลดหย่อน จัดสรรงบประมาณสำหรับการใช้สิทธิลดหย่อน ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ทางการเงินและเป้าหมายในการออม

● เลือกเครื่องมือลดหย่อนที่เหมาะสม พิจารณาเลือกเครื่องมือการลงทุนที่สามารถลดหย่อนภาษีได้ โดยคำนึงถึงความเสี่ยง ผลตอบแทน และความเหมาะสมกับเป้าหมายการเงิน

 

เครื่องมือลดหย่อนภาษียอดนิยม

 

● ประกันชีวิต ซึ่งไม่เพียงช่วยให้ได้รับความคุ้มครองแต่ยังช่วยวางแผนทางการเงินในระยะยาว โดยสำหรับกรมธรรม์อายุ 10 ปีขึ้นไป สามารถนำเบี้ยประกันชีวิตมาหักลดหย่อนภาษีได้เท่าที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 100,000 บาท

● ประกันสุขภาพ ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลและเพิ่มความมั่นคงในการดูแลสุขภาพของผู้เสียภาษี โดยสามารถใช้เบี้ยประกันสุขภาพในการหักลดหย่อนภาษีได้เท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 25,000 บาท หากรวมกับค่าเบี้ยประกันชีวิต ต้องไม่เกิน 100,000 บาท

● SSF (กองทุนรวมเพื่อการออม) หักลดหย่อนเท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินร้อยละ 30 ของเงินได้พึงประเมินและต้องไม่เกิน 200,000 บาท นอกจากนี้ ยังมีผลตอบแทนจากการลงทุนอีกด้วย

● RMF (กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ) สามารถลดหย่อนภาษีได้ 30% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี เมื่อซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) โดยต้องถือหน่วยลงทุนไม่น้อยกว่า 5 ปี นับจากวันที่ซื้อครั้งแรก เมื่อรวมกับเงินสะสมเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ และกองทุนสงเคราะห์โรงเรียนเอกชน ต้องไม่เกิน 500,000 บาท

 

หนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมในการใช้สิทธิลดหย่อนภาษี คือการทำประกันออมทรัพย์เพื่อลดหย่อนภาษี ซึ่งนอกจากจะช่วยวางแผนการเงินให้เป็นไปตามระยะเวลาและเป้าหมายที่กำหนดได้แล้ว ยังให้ความคุ้มครองชีวิต พร้อมออมเงินอย่างมีวินัย อีกทั้งยังสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ตามเงื่อนไขของกรมสรรพากรอีกด้วย ขอแนะนำ ประกันสะสมทรัพย์ PRUeasy saver 10/4 จากพรูเด็นเชียล ประกันชีวิต ที่มีเบี้ยประกันภัยระยะสั้น ชำระเบี้ยฯ 4 ปี คุ้มครองยาว 10 ปี โดยมีเงินคืนระหว่างสัญญาและสามารถลดหย่อนภาษีได้ตามหลักเกณฑ์ที่กรมสรรพากรกำหนด การันตีผลประโยชน์รวมตลอดสัญญา 440%* ของจำนวนเงินเอาประกันภัย ซื้อประกันออนไลน์ได้เลย

 

✅ ชำระเบี้ยฯ 4 ปี คุ้มครอง 10 ปี

✅ เบี้ยประกันภัยเริ่มต้นหลักพัน

✅ มีเงินคืนระหว่างสัญญา

✅ สามารถลดหย่อนภาษีได้ตามหลักเกณฑ์ที่กรมสรรพากรกำหนด

 

สนใจประกันสะสมทรัพย์ออนไลน์ จากพรูเด็นเชียล ประกันชีวิต คลิกเลย

 

* หมายเหตุ

● เงื่อนไขเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่สรรพากรกำหนด

● เงื่อนไขความคุ้มครองเป็นไปตามที่กรมธรรม์กำหนด

● ผู้ซื้อควรทำความเข้าใจรายละเอียดความคุ้มครอง และเงื่อนไขก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง

 

ข้อมูลอ้างอิง

การขอผ่อนชำระภาษี

ผู้มีเงินได้มีสิทธิหักลดหย่อนอะไรได้บ้าง?