Date  
12th March 2025

ไม่มีใครอยู่ยืนยงคงกระพัน ดังนั้น การเตรียมตัวให้พร้อมจึงเป็นสิ่งที่ทุกคนควรตระหนัก โดยเฉพาะการจัดการมรดกและทรัพย์สินอันมีค่า เพื่อส่งมอบให้แก่ลูกหลานและบุคคลอันเป็นที่รักอย่างราบรื่น ทั้งยังช่วยลดปัญหาความขัดแย้งในครอบครัว และให้ทรัพย์สินที่มีค่าตกไปอยู่กับคนที่เห็นค่าอย่างแท้จริง ซึ่งเป็นหนึ่งในการสร้างความมั่นคงให้แก่คนที่อยู่ข้างหลังได้อยู่ต่ออย่างมั่นใจและไม่มีสะดุด

 

ขั้นตอนการจัดการมรดกอย่างเป็นระบบ

 

ไม่ว่าเราจะอายุเท่าไร การจัดการมรดกก็เป็นสิ่งสำคัญและจำเป็น ซึ่งจะช่วยส่งต่อทรัพย์สินให้แก่ลูกหลานและคนที่เรารักได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งการวางแผนเอาไว้อย่างดี นอกจากจะทำให้รู้สึกอุ่นใจแล้ว ยังช่วยลดปัญหาความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นกับคนในครอบครัวอีกด้วย โดยมีขั้นตอนง่าย ๆ ดังต่อไปนี้

 

1. ลิสต์รายการทรัพย์สินและหนี้สินทั้งหมดที่มี

 

อันดับแรกให้ลิสต์รายการทรัพย์สินและหนี้สินทั้งหมดที่มี ไม่ว่าจะเป็นเงินฝากธนาคาร หุ้น กองทุน อสังหาริมทรัพย์ รถยนต์ ของสะสม หรือแม้กระทั่งของมีค่าที่ไม่ได้อยู่ในรูปแบบทรัพย์สินทางการเงิน เช่น นาฬิกา กระเป๋าแบรนด์เนม

 

ส่วนหนี้สิน ก็ให้รวมหนี้ทุกประเภทที่ต้องชำระ ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อบ้าน หนี้บัตรเครดิต หนี้จากการทำธุรกิจ โดยสามารถจัดเก็บไว้ในไฟล์ดิจิทัล เพื่อความสะดวกในการอัปเดตบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน โดยหากว่ามีเลขที่บัญชีของธนาคารใดก็ให้ระบุเอาไว้ให้ครบถ้วน

 

2. วางแผนจัดการทรัพย์สินต่าง ๆ อย่างชัดเจน

 

การระบุชื่อผู้รับมรดก ในแต่ละรายการลงในพินัยกรรมจะช่วยลดปัญหาความขัดแย้งได้ในอนาคต โดยระบุเลยว่าใครจะได้รับอะไร ในกรณีที่สินทรัพย์ 1 อย่างมีผู้รับหลายคน ควรระบุสัดส่วนเอาไว้อย่างละเอียด เช่น ในกรณีที่มีบุตร 2 คน อาจจะระบุให้แบ่งเงินฝากในบัญชีเป็นจำนวนเท่า ๆ กัน

 

3. เตรียมเอกสารทางกฎหมายให้ครบถ้วน

 

เพื่อป้องกันข้อครหา หรือความยุ่งยากที่ตามมาในอนาคต แนะนำให้จัดทำพินัยกรรมอย่างเป็นทางการและถูกต้องตามกระบวนการทางกฎหมาย โดยมีพยาน 2 คนเซ็นรับรอง และควรอัปเดตทุก ๆ 3-5 ปี หรือเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงสำคัญในชีวิต เช่น การแต่งงาน หย่า มีบุตร พ่อแม่เสียชีวิต หรือซื้อบ้าน ซื้อรถเพิ่มเติม

 

 

ใครบ้างคือผู้รับมรดกทางกฎหมาย ?

 

ในทางกฎหมาย ทายาทจะถูกแบ่งออกเป็น 2 กรณี คือ ทายาทโดยธรรม และทายาทตามที่ระบุเอาไว้ในพินัยกรรม ดังนี้

 

ทายาทโดยธรรม

  

ในกรณีที่ผู้เสียชีวิตไม่ได้ทำพินัยกรรม มรดกจะถูกส่งมอบให้กับทายาทตามกฎหมาย ตามลำดับดังต่อไปนี้

  

1. ผู้สืบสันดาน

    ● บุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย (เกิดจากการสมรส)

    ● บุตรนอกกฎหมายที่บิดารับรองแล้ว

    ● บุตรบุญธรรม

    ● หลาน/เหลน (กรณีบุตรเสียชีวิตก่อน)

2. บิดามารดา โดยบิดาจะต้องเป็นบิดาที่มีการสมรสอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่มารดาไม่จำเป็นต้องสมรสตามกฎหมาย

3. พี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน เป็นพี่น้องที่เกิดจากพ่อแม่คนเดียวกัน

4. พี่น้องร่วมบิดาหรือมารดาเดียวกัน เป็นพี่น้องต่างพ่อหรือต่างแม่

5. ปู่ ย่า ตา ยาย

6. ลุง ป้า น้า อา ที่เป็นพี่น้องของบิดาหรือมารดา

 

สำหรับคู่สมรสที่ยังมีชีวิตอยู่ จะสามารถรับส่วนแบ่งตามสัดส่วนร่วมกับทายาทลำดับที่ 1 หรือ 2 โดยทายาทลำดับต้นจะมีสิทธิ์ก่อน หากไม่มีค่อยเลื่อนเป็นลำดับถัดไป หากพ้นจากทายาทั้ง 6 ลำดับ มรดกจะตก แก่แผ่นดิน

 

ทายาทโดยพินัยกรรม

 

เป็นบุคคลหรือองค์กรที่ถูกระบุเอาไว้ในพินัยกรรมของผู้เสียชีวิต อาจจะเป็นผู้สืบสันดานที่มีสายเลือดเดียวกัน หรือไม่ต้องเป็นญาติก็ได้ อย่างไรก็ตาม พินัยกรรมไม่สามารถยกมรดกทั้งหมดให้บุคคลภายนอกได้ หากทายาทโดยธรรมลำดับที่ 1-6 ยังคงมีชีวิตอยู่

 

ทรัพย์สินอะไรบ้างที่ถือเป็นมรดก ?

 

หลายคนอาจจะคิดว่ามีแต่เงิน บ้าน ที่ดิน และสิ่งของเท่านั้นที่นับเป็นมรดก แต่ในทางกฎหมายยังมีทรัพย์สินที่ถือว่าเป็นมรดกที่สามารถส่งต่อให้ลูกหลานได้ดังต่อไปนี้

 

มรดกที่เป็นทรัพย์สิน

 

● เงินสด เงินฝากธนาคาร

● บ้าน คอนโด ที่ดิน

● หุ้น กองทุน

● รถยนต์ ของสะสมมีค่า

 

มรดกที่เป็นสิทธิ

 

● สิทธิการเช่า

● สิทธิบัตร ลิขสิทธิ์

● รายได้จากทรัพย์สินที่สร้างไว้ก่อนเสียชีวิต

 

มรดกที่เป็นความรับผิด

 

นอกจากทรัพย์สินแล้ว หนี้สินต่าง ๆ ก็มีการตกทอดไปสู่ทายาทด้วยเช่นกัน โดยทายาทที่ได้รับมรดกจะต้องชำระหนี้ตามสัดส่วนที่ได้รับ แต่จะไม่เกินจากมูลค่าของมรดกที่ได้

 

เงินประกันชีวิตแบบตลอดชีพ ถือเป็นมรดกหรือไม่ ?

 

แม้ว่าหลายคนจะพูดว่าประกันชีวิตเป็นมรดกให้แก่ลูกหลาน เพราะเป็นการมอบทรัพย์สินให้หลังจากที่เสียชีวิต แต่ตามกฎหมายแล้ว ประกันชีวิตไม่ใช่มรดก แต่เป็นทรัพย์สินที่ส่งมอบให้แก่ผู้ได้รับผลประโยชน์หลังจากที่เสียชีวิตแล้ว

 

จุดเด่นของเงินจากประกันชีวิต

 

● ไม่ต้องเสียภาษีมรดก

● ไม่ต้องนำไปชำระหนี้แทนผู้เสียชีวิต

● ได้รับเงินเร็ว ไม่ต้องรอศาลหรือการจัดการจากผู้จัดการมรดก

● ปลอดภัย และไม่มีข้อพิพาทจากผู้รับมรดกรายอื่น

 

วางแผนมรดกอย่างมั่นใจด้วยประกันชีวิต PRUe-Legacy Saver

 

หากคุณกำลังมองหาวิธีส่งต่อทรัพย์สินให้ลูกหลานอย่างเรียบง่าย ปลอดภัย และไร้ข้อขัดแย้ง การทำประกันมรดก ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ขอแนะนำประกันชีวิตตลอดชีพ แผน PRUe-Legacy Saver จากพรูเด็นเชียล ประกันชีวิต

 

● ชำระเบี้ยประกันภัยเพียง 8 ปี คุ้มครองยาวนานถึงอายุครบ 88 ปี

● ได้รับเงินคืนทุกปี เพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน

● ส่งต่อเงินก้อนให้ลูกหลานทันที ไม่ต้องผ่านกระบวนการศาล

● ไม่ต้องตรวจสุขภาพ เพียงตอบคำถามสุขภาพ 1 ข้อ สมัครง่ายผ่านระบบออนไลน์

เริ่มวางแผนชีวิต สร้างความมั่นคงให้แก่คนที่คุณรักได้แล้ววันนี้ สมัครออนไลน์เลย

 

คำเตือน

● เงื่อนไขความคุ้มครองเป็นไปตามที่กรมธรรม์กำหนด

● ผู้ซื้อควรทำความเข้าใจรายละเอียดความคุ้มครอง และเงื่อนไขก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง

 

ข้อมูลอ้างอิง

1. 5 ประโยชน์การส่งต่อมรดก ด้วยประกันชีวิต. สืบค้นเมื่อวันที่ 21 เมษายน 2568 จาก https://www.set.or.th/th/education-research/education/happymoney/knowledge/article/106-tsi-5-benefits-to-pass-on-the-legacy-with-life-insurance

2. วางแผนมรดก ตกทอดสู่ลูกหลานอย่างราบรื่น. สืบค้นเมื่อวันที่ 21 เมษายน 2568 จาก https://www.setinvestnow.com/th/knowledge/article/89-tsi-make-a-good-wealth-transfer

3. เงินประกันชีวิตไม่ใช่มรดก. สืบค้นเมื่อวันที่ 21 เมษายน 2568 จาก https://www.set.or.th/th/about/mediacenter/insights/article/428-life-insurance

4. มรดกและการรับมรดก. สืบค้นเมื่อวันที่ 21 เมษายน 2568 จาก https://law.hcu.ac.th/upload/files/pdf/Law/มรดกและการรับมรดก.pdf