Table of Content:
● ปัจจัยหลักที่ทำให้ค่ารักษาพยาบาลแพงขึ้น
○ เทคโนโลยีทางการแพทย์ล้ำหน้า
○ ต้นทุนค่ารักษาที่สูงขึ้น
○ ค่าแรงบุคลากรทางการแพทย์เพิ่มขึ้น
○ การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ
○ ภาวะเงินเฟ้อ
● เทียบชัดค่ารักษาพยาบาลในโรงพยาบาลเอกชน VS โรงพยาบาลรัฐ
○ ตารางเปรียบเทียบค่ารักษาพยาบาลและค่าบริการของโรงพยาบาลเอกชนและโรงพยาบาลรัฐ
● วิธีการรับมือกับค่ารักษาพยาบาลที่แพงขึ้น
○ ใช้สิทธิประกันสุขภาพของภาครัฐ
○ เช็กสิทธิสวัสดิการของบริษัท
○ ทำประกันสุขภาพเพิ่มเติม
○ เปรียบเทียบโรงพยาบาลก่อนรักษา
○ ดูแลสุขภาพตัวเองเพื่อลดโอกาสเจ็บป่วย
○ วางแผนการเงินเพื่อค่ารักษาในอนาคต
● สร้างหลักประกันสุขภาพที่มั่นคงด้วยประกันสุขภาพจากพรูเด็นเชียล ประกันชีวิต
● คำถามที่ถามบ่อยเกี่ยวกับค่ารักษาพยาบาล
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา หลายคนคงสังเกตว่าค่ารักษาพยาบาลแพงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และโตแซง GDP ของประเทศไทย โดยในปี 2565-2568 เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 4.53% ต่อปี แต่ GDP เพิ่มขึ้นเพียง 2.0-2.5% ต่อปี จึงเห็นได้ชัดว่า ค่ารักษาพยาบาลเพิ่มขึ้นในอัตราที่เร็วกว่าค่าครองชีพในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะในโรงพยาบาลเอกชนที่ค่าห้องพักและค่าบริการบางรายการสูงกว่าที่หลายคนคาดไว้ ขณะเดียวกันโรงพยาบาลของรัฐก็เริ่มมีข้อจำกัดเรื่องการเข้าถึง การรอคิวหรือการจำกัดสิทธิรักษา จึงทำให้เสียโอกาสในการรักษาไปอย่างน่าเสียดาย
การที่ค่ารักษาพยาบาลแพงขึ้น ไม่ว่าจะทั้งในโรงพยาบาลเอกชนหรือโรงพยาบาล มีปัจจัยหลายอย่างที่เป็นสาเหตุ ดังต่อไปนี้
ปัจจุบันมีการพัฒนาของเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการแพทย์เพิ่มมากขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจวินิจฉัยและรักษาโรคต่าง ๆ เป็นการเพิ่มโอกาสการรักษาหายและรอดชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดด้วยหุ่นยนต์ วัคซีน หรือยาใหม่ ๆ ที่ถูกพัฒนาขึ้น ซึ่งทำให้ต้องใช้เงินลงทุนในการพัฒนาสูง ซึ่งหากว่าต้องการได้รับการรั กษาที่ดีที่สุด และเจ็บน้อยกว่า ก็ต้องยอมจ่ายค่ารักษาในราคาที่สูงขึ้น
นอกเหนือจากค่ายาและอุปกรณ์ต่าง ๆ แล้ว โรงพยาบาลยังมีต้นทุนอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นค่าวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ ค่าระบบสาธารณูปโภค รวมถึงค่าบำรุงรักษาเครื่องมือแพทย์เฉพาะทาง
อย่างที่เราทราบกันดีกว่า กว่าจะเรียนจบแพทย์ต้องใช้เวลา 6 ปี และหากว่าต้องไปเรียนต่อสาขาเฉพาะทาง เพื่อเพิ่มความรู้ความเชี่ยวชาญก็ต้องใช้เวลายาวนานยิ่งขึ้น ดังนั้น บุคลากรทางการแพทย์ ไม่ว่าจะเป็นแพทย์ พยาบาล บุรุษพยาบาล เภสัชกร หรือบุคคลอื่น ๆ ต้องมีความรู้ความเชี่ยวชาญ เมื่อรวมกับการที่ต้องทำงานหนัก จึงทำให้ค่าตอบแทนเพิ่มส ูงขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อเป็นการจูงใจ
เมื่ออายุมากขึ้น ผู้สูงอายุก็มีความเสี่ยงที่จะเจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อรังและโรคที่มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น ทำให้ต้องอาศัยเทคโนโลยีและยาที่มีประสิทธิภาพสูงในการรักษา ทำให้ค่ารักษาพยาบาลแพงขึ้นตามไปด้วย
ด้วยภาวะเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นในปัจจุบัน ทำให้ต้นทุนโดยรวมสูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นค่ายา เวชภัณฑ์ หรือค่าอุปกรณ์ต่าง ๆ
หลายคนอาจจะสงสัยว่าค่ารักษาพยาบาลของโรงพยาบาลเอกชนและโรงพยาบาลรัฐแตกต่างกันมากหรือไม่ เพราะบางคนยอมจ่ายแพงกว่าเพื่อเลือกโรงพยาบาลเอกชนที่สะดวกสบายและรวดเร็วมากกว่าโรงพยาบาลรัฐ ท ี่แม้ว่าจะราคาถูกกว่า แต่ก็ต้องรอคิวนานเช่นเดียวกัน
| ค่ารักษา | โรงพยาบาลเอกชน | โรงพยาบาลรัฐ |
|---|---|---|
| ค่าตรวจสุขภาพประจำปี | 1,990-19,000 บาท ขึ้นกับโปรแกรมและอายุ | 500-2,800 บาท ขึ้นกับโปรแกรมและอายุ |
| ไข้หวัด | 1,500-2,000 บาทต่อครั้ง | 300-1,000 บาท |
| ผ่าตัดไส้ติ่ง | ผ่าตัดแบบส่องกล้องประมาณ 100,000 บาทขึ้นไป | ผ่าตัดแบบส่องกล้องประมาณ 54,000 บาท |
| ค่าห้องพักผู้ป่วยใน | ห้องพิเศษเดี่ยวมาตรฐาน 2,800-6,000 บาทต่อวัน (บางโรงพยาบาลอาจสูงกว่านั้น) | ห้องพิเศษเดี่ยว เริ่มต้นที่ 1,000 - 2,500 บาท (ขึ้นอยู่กับโรงพยาบาล) |
ราคาที่กล่าวมาข้างต้นเป็นเพียงค่าประมาณการ ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามแต่ละโรงพยาบาล ควรศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล
แม้ว่าเราจะไม่รู้ ว่าจะเจ็บป่วยเมื่อไร แต่ก็สามารถวางแผนสุขภาพและการเงินอย่างมีประสิทธิภาพได้ เวลาที่เจ็บป่วยขึ้นมาจะได้มีเงินรักษา ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง โดยมีแนวทางดังต่อไปนี้
ไม่ว่าจะเป็นประกันสังคม หรือหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า โดยตรวจสอบสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ เพื่อให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ ก็จะสามารถช่วยลดภาระค่ารักษาพยาบาลที่เกิดขึ้นได้
นอกจากจะต้องเข้าใจสิทธิประกันสุขภาพของภาครัฐแล้ว ควรตรวจสอบสวัสดิการของบริษัท อย่างประกันกลุ่ม เพื่อที่จะวางแผนค่ารักษาพยาบาลอย่างมีประสิทธิภาพ และลดค่าใช้จ่ายได้มากขึ้น
หลายคนคิดว่ามีประกันสุขภาพของรัฐหรือจากของที่ทำงานแล้วไม่จำเป็นต้องทำสุขภาพเพิ่มเติม แต่ที่จริงแล้ว ประกันสุขภาพเป็นตัวช่วยในการลดภาระค่ารักษาพยาบาล รวมถึงเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการรักษาได้อย่างรวดเร็วและประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งหลายคนก็เลือกที่จะทำประกันชีวิตควบคู่ไปกับประกันสุขภาพเพื่อเป็นการวางแผนทางการเงินในระยะยาวนั่นเอง
ปัจจุบันการเข้าถึงข้อมูลพื้นฐานของโรงพยาบาลง่ายมากขึ้น โดยก่อนเข้ารับการรักษาพยาบาลควรเปรียบเทียบทั้งราคาค่าใช้จ่าย ความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง เครื่องมือและเทคโนโลยีทางการแพทย์ ความสะดวกในการเดินทาง รวมถึงความน่าเชื่อถือของโรงพยาบาล เพื่อนำไปสู่การวางแผนทางการเงินในอนาคต
การป้องกันย่อมดีกว่าเสมอ รวมถึงการดูแลสุขภาพให้แข็งแรงด้วย ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และการพักผ่อนที่เพียงพอก็จะช่วยลดโอกาสการเจ็บป่วยได้ในระยะยาว
นอกจากการทำประกันสุขภาพแล้ว ควรมีเงินก้อนสำหรับเหตุการณ์ฉุกเฉินเอาไว้ดูแลด้านสุขภาพ เพื่อใช้จ่ายเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด
สร้างหลักประกันด้านสุขภาพที่มั่นคง เตรียมพร้อมรับมือค่ารักษาพยาบาลที่แพงขึ้น ด้วยการทำประกันชีวิตและประกันสุขภาพที่สามารถซื้อออนไลน์ได้ง่าย สะดวก ปรับแผนได้ตามงบ จากพรูเด็นเชียล ประกันชีวิต ขอแนะนำ พรูเหม า เหมา ดับเบิล ชัวร์ เคลม IPD ได้ตามจริงสูงสุด 1 ล้านบาทต่อปี จ่ายเบี้ยฯ เพียง 15 บาท/วัน(ลูกค้าเพศชาย อายุ 30 ปี แผน 1) สามารถคลิกซื้อออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ได้แล้ววันนี้
สนใจซื้อประกันออนไลน์ กับพรูเด็นเชียล ประกันชีวิต คลิกเลย
หมายเหตุ
● ความคุ้มครองขึ้นกับแผนประกันภัยที่เลือก
● เงื่อนไขความคุ้มครองเป็นไปตามที่กรมธรรม์กำหนด
● ผู้ซื้อควรทำความเข้าใจรายละเอียดความคุ้มครองและเงื่อนไขก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง
ข้อมูลอ้างอิง
● ค่าใช้จ่ายสุขภาพโตแซงGDP ถึงเวลาปฏิรูปหลักประกันสุขภาพ(รัฐ)
● "ตรวจสุขภาพประจำปี" ที่ไหนดี? สิทธิ์ตรวจฟรี-ตรวจเสียเงิน ราคาเท่าไรบ้าง?
● room rates | รามาธิบดีเพื่อผู้ป่วยและสุข ภาพ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
จากแนวโน้มในปัจจุบันและปัจจัยต่าง ๆ ทั้งเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ก้าวหน้า ภาวะเงินเฟ้อ และสังคมสูงวัย ทำให้มีความเป็นไปได้สูงว่าค่ารักษาพยาบาลจะยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต การวางแผนทางการเงินเพื่อสุขภาพจึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม
ประกันสุขภาพ จะเน้นคุ้มครองค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลเมื่อเจ็บป่วย ส่วนประกันชีวิตจะเน้นที่การวางแผนมรดกหรือการสร้างความมั่นคงทางการเงินให้กับคนข้างหลังในกรณีที่เราจากไปก่อนวัยอันควร ทั้งสองประเภทจึงมีวัตถุประสงค์ที่ต่างกันและสามารถทำควบคู่กันได้เพื่อเพิ่มความอุ่นใจและครบถ้วนในการวางแผนชีวิต
โดยทั่วไป เบี้ยประกันสุขภาพจะมีการปรับตามช่วงอายุที่สูงขึ้นของผู้เอาประกันภัย หรือตามประวัติการเคลมสินไหมในบางกรณี ดังนั้นก่อนตัดสินใจทำประกันสุขภาพควรทำความเข้าใจรายละเอียดการปรับเบี้ยฯ ความคุ้มครองและเงื่อนไขก่อนการตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง
ตอนที่ยังมีสุขภาพแข็งแรง เพราะยิ่งทำเร็วเท่าไหร่เบี้ยประกันภัยก็จะยิ่งถูกลง และมีโอกาสที่จะได้รับการอนุมัติความคุ้มครองได้ง่ายกว่า
ไม่ต้องสำรองจ่าย หากเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลที่เป็นคู่สัญญาของบริษัท ซึ่งมีอยู่มากกว่า 600 แห่งทั่วประเทศไทย