อาชีพฟรีแลนซ์ให้ความอิสระในการทำงานและจัดการเวลาได้ตามใจ แต่เมื่อถึงเวลาต้องยื่นภาษี หลายคนอาจรู้สึกสับสนว่า คนเป็นฟรีแลนซ์ต้องยื่นภาษีหรือไม่ ?
สำหรับการยื่นภาษี ถือเป็นหน้าที่สำคัญของผู้ที่มีรายได้ทุกคน รวมถึงเหล่าคนทำงานฟรีแลนซ์เช่นกัน บทความนี้จะพาไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับภาษีที่ฟรีแลนซ์ต้องเสีย และวิธีการยื่นภาษีสำหรับฟรีแลนซ์แบบง่าย ๆ ที่ช่วยให้คุณจัดการภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อาชีพฟรีแลนซ์ คือ ผู้ที่ทำงา นรับจ้างอิสระโดยไม่ได้สังกัดหน่วยงานหรือบริษัทใดบริษัทหนึ่ง ลักษณะการทำงานจะเป็นการรับจ้างเป็นงาน ๆ ไป เช่น นักเขียน กราฟิกดีไซเนอร์ นักแปลภาษา โปรแกรมเมอร์ และอื่น ๆ โดยอาชีพฟรีแลนซ์ยังมีหน้าที่ในการยื่นภาษีไม่ต่างจากพนักงานประจำทั่วไป
คนที่ทำอาชีพฟรีแลนซ์ ควรจะต้องรู้ว่า ตนเองต้องเสียภาษีประเภทใดบ้าง โดยมีรายละเอียดดังนี้
รายได้จากการทำงานฟรีแลนซ์ถือเป็นแหล่งเงินได้ประเภทที่ 2 และ ประเภทที่ 8 ตามกฎหมาย โดยมีวิธีการคำนวณภาษีเงินได้ ดังนี้
● เงินได้ (ต่อปี) - ค่าใช้จ่าย - ค่าลดหย่อน = เงินได้สุทธิ
● เงินได้สุทธิ x อัตราภาษี = เงินภาษีที่ต้องจ่าย
หากมีรายได้จากการขายสินค้าหรือบริการเกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี หรือ มีการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม จะต้องเสียภาษี 7%
หากประกอบกิจการบางประเภท เช่น งานให้เช่าทรัพย์สิน หรือการซื้อขายหลักทรัพย์ จะต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะตามอัตราที่กฎหมายกำหนด
อัตราภาษีเงินได้สำหรับฟรีแลนซ์ จะใช้อัตราเดียวกับผู้มีรายได้ประจำ โดยใช้อัตราแบบขั้นบันไดที่แบ่งตามรายได้สุทธิ ดังนี้
● เงินได้สุทธิ 0-150,000 บาท : ยกเว้นภาษี
● เงินได้สุทธิ 150,001-300,000 บาท : อัตราภาษี 5%
● เงินได้สุทธิ 300,001-500,000 บาท : อัตราภาษี 10%
● เงินได้สุทธิ 500,001-750,000 บาท : อัตราภาษี 15%
● เงินได้สุทธิ 750,001-1,000,000 บาท : อัตราภาษี 20%
● เงินได้สุทธิ 1,000,001-2,000,000 บาท : อัตราภาษี 25%
● เงินได้สุทธิ 2,000,001-5,000,000 บาท : อัตราภาษี 30%
● เงินได้สุทธิ ตั้งแต่ 5,000,001 บาท : อัตราภาษี 35%
อย่างที่บอกไปว่า รายได้ของฟรีแลนซ์จะแบ่งเป็นเงินได้ประเภทที่ 2 และประเภทที่ 8 ซึ่งรายละเอียดของการหักค่าใช้จ่ายมีดังนี้
● ประเภทที่ 2 : ค่าตอบแทนจากการรับจ้างทำงาน โดยฟรีแลนซ์สามารถหักค่าใช้จ่ายได้เพียง 50% ของเงินได้สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท
● ประเภทที่ 8 : รายได้จากการขายสินค้าหรือบริการออนไลน์ โดยฟรีแลนซ์สามารถหักค่าใช้จ่ายได้ตามจริง (ต้องมีหลักฐานค่าใช้จ่ายครบถ้วน) หรือหักค่าใช้จ่ายแบบเหมาได้ 60% ของเงินได้ (ไม่ต้องมีหลักฐานค่าใช้จ่าย)
ผู้ที่ทำงานเป็นฟรีแล นซ์ จะต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แบบ ภ.ง.ด.90 โดยปกติจะต้องยื่นให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 31 มีนาคมของทุกปี
● รายการรายได้ตลอดปี เช่น ใบเสร็จรับเงิน หรือ Statement ธนาคาร
● รายการลดหย่อนภาษี เช่น เบี้ยประกันสุขภาพ เบี้ยประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ หรือการบริจาค
ยื่นภาษีฟรีแลนซ์ได้ 3 ช่องทาง
1. ยื่นผ่านเว็บไซต์กรมสรรพากร (www.rd.go.th)
2. ยื่นผ่านแอปพลิเคชัน RD Smart Tax
3. ยื่นผ่านสำนักงานสรรพากรพื้นที่
ระบุประเภทของรายได้และจำนวนเงินที่ได้รับในปีภาษี
รวบรวมค่าลดหย่อนส่วนตัวและเงินบริจาค ตามที่กรมสรรพากรกำหนด เช่น
● ค่าลดหย่อนภาษีส่วนตัวและครอบครัว
○ ค่าลดหย่อนภาษีส่วนตัวได้สูงสุด 60,000 บาท
○ ลดหย่อนด้วยภาษีคู่สมรสได้สูงสุด 60,000 บาท
○ ลดหย่อนด้วยค่าฝากครรภ์และคลอดบุตรไม่เกินครรภ์ละ 60,000 บาท
● ค่าลดหย่อนภาษีกลุ่มประกัน เงินออม และการลงทุน
○ เบี้ยประกันชีวิตและประกันแบบสะสมทรัพย์สูงสุด 100,000 บาท
○ เบี้ยประกันสุขภาพ และเบี้ยประกันอุบัติเหตุ โดยเบี้ยประกันภัยในส่วนของความคุ้มครองสุขภาพ สามารถนำมาใช้เป็นสิทธิประโยชน์ทางภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 25,000 บาทต่อปี (เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของกรมสรรพากร)
○ กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ได้สูงสุด 500,000 บาท
○ กองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) ได้สูงสุด 200,000 บาท
● ค่าลดหย่อนกลุ่มกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ
○ ลดหย่อน Easy E-Receipt ได้สูงสุด 50,000 บาทต่อคน
○ ลดหย่อนดอกเบี้ยกู้ยืมเพื่อซื้อหรือสร้างที่อยู่อาศัยได้สูงสุด 100,000 บาท
เมื่อกรอกข้อมูลครบถ้วน ตรวจสอบความถูกต้อง และกดยื่นภาษี
หากมีสิทธิ์ได้รับภาษีคืน สามารถตรวจสอบสถานะผ่านเว็บไซต์กรมสรรพากร
A : การหักภาษี 3% เป็นเพียงการหัก ณ ที่จ่าย โดยผู้ว่าจ้างเป็นผู้หักก่อนจ่ายเงินให้ หลังจากนั้นฟรีแลนซ์ยังต้องยื่นภาษีและคำนวณภาษีสุทธิเองตามรายได้ที่เกิ ดขึ้นตลอดทั้งปี หากมีภาษีส่วนต่างก็ต้องชำระเพิ่มเติม
A : ผู้ที่มีรายได้ต่อปีตั้งแต่ 120,000 บาท หรือเดือนละ 10,000 บาท ต้องยื่นแบบภาษี
สำหรับฟรีแลนซ์ การวางแผนภาษีอย่างถูกต้องจะช่วยลดภาระทางการเงินได้ และหากต้องการลดหย่อนภาษีไปพร้อมกับการออมเงินในอนาคต ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ PRUEasy Saver 10/4 จากพรูเด็นเชียล ประกันชีวิต คือทางเลือกที่ตอบโจทย์ เพราะจ่ายเบี้ยประกันเภัยพียง 4 ปี แต่ได้รับความคุ้มครองยาวนานถึง 10 ปี อีกทั้งยังจะได้รับเงินเมื่อครบกำหนดสัญญา 404% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย พร้อมนำไปลดหย่อนภาษีได้นาน 4 ปี สูงสุดปีล ะ 100,000 บาท ตามหลักเกณฑ์ที่กรมสรรพากรกำหนด สมัครออนไลน์ได้ง่าย ๆ เพื่อการวางแผนภาษี
ข้อมูลอ้างอิง
1. การวางแผนภาษีสำหรับชาวฟรีแลนซ์