Date  
5th February 2025

การมีประกันสุขภาพจากที่ทำงาน หรือที่เรียกติดปากกันว่าประกันกลุ่ม เป็นหนึ่งในสวัสดิการที่พนักงานควรจะได้รับ เพื่อดูแลสุขภาพและความปลอดภัยในชีวิต แต่หลายคนอาจยังไม่ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับความคุ้มครอง หรือข้อจำกัดที่สวัสดิการประกันสุขภาพแบบกลุ่มมีให้ การทำความเข้าใจในรายละเอียดจะช่วยให้เราเห็นว่า ควรพิจารณาทำประกันสุขภาพเพิ่มเติมหรือไม่หากประกันสุขภาพจากที่ทำงานไม่สามารถให้ความคุ้มครองอย่างที่เราต้องการ  

  

ประกันสุขภาพจากที่ทำงานคืออะไร ?

 

ประกันสุขภาพจากที่ทำงานเป็นสวัสดิการประกันที่นายจ้างมอบให้แก่พนักงานในที่ทำงาน ที่ส่วนใหญ่จะเป็นการทำประกันสุขภาพแบบกลุ่มสำหรับพนักงานออฟฟิศ โดยจะครอบคลุมค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ เช่น ค่ารักษาพยาบาลกรณีเจ็บป่วยทั่วไป การผ่าตัด หรือการรักษาในโรงพยาบาล ช่วยให้พนักงานสามารถเข้าถึงการรักษาได้โดยไม่ต้องกังวลกับภาระการเงิน ซึ่งความคุ้มครองจะขึ้นอยู่กับข้อตกลงในกรมธรรม์ที่นายจ้างเลือกให้ โดยมีประโยชน์ ดังนี้

 

● ลดภาระค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ เนื่องจากค่ารักษาพยาบาล เช่น ค่าผ่าตัด หรือค่าห้องพักในโรงพยาบาล อาจเป็นภาระที่หนักหนาโดยเฉพาะในกรณีฉุกเฉิน ประกันสุขภาพจากที่ทำงานจะสามารถช่วยแบ่งเบาค่าใช้จ่ายเหล่านี้ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการเงินเมื่อเจ็บป่วย

● เพิ่มความมั่นคงในชีวิตการทำงาน การมีประกันสุขภาพเป็นสวัสดิการ ทำให้เหล่ามนุษย์เงินเดือนรู้สึกอุ่นใจด้านสุขภาพ ส่งผลให้สามารถโฟกัสกับการทำงานได้เต็มที่โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับค่ารักษาพยาบาล

● สร้างความเชื่อมั่นและความผูกพันกับองค์กร นายจ้างที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพของพนักงาน จะได้รับความไว้วางใจและความพึงพอใจที่มากขึ้นจากพนักงาน

 

ข้อจำกัดของประกันสุขภาพจากที่ทำงาน

 

แม้จะมีข้อดีหลายประการ แต่ประกันสุขภาพจากที่ทำงาน มักมีข้อจำกัดที่พนักงานออฟฟิศควรทราบ ได้แก่

 

● วงเงินคุ้มครองจำกัด ประกันสุขภาพประเภทนี้อาจให้ความคุ้มครองที่ไม่ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลที่มีค่าใช้จ่ายสูง ๆ เช่น การผ่าตัดใหญ่ หรือการรักษาโรคร้ายแรง

● ไม่ครอบคลุมโรคเฉพาะทางบางประเภท เช่น โรคเรื้อรัง โรคร้ายแรง หรือการรักษาพิเศษ

● การสิ้นสุดความคุ้มครองเมื่อเปลี่ยนงาน หากพนักงานลาออกหรือเปลี่ยนงาน ความคุ้มครองจะสิ้นสุดทันที

 

  

นอกจากสวัสดิการประกันจากที่ทำงานแล้ว ควรพิจารณาประกันอะไรอีกบ้าง ?

 

การมีสวัสดิการประกันสุขภาพจากที่ทำงาน ถือเป็นหนึ่งในสิทธิประโยชน์สำคัญสำหรับพนักงานออฟฟิศที่สามารถช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในยามเจ็บป่วย แต่เนื่องจากข้อจำกัดด้านความคุ้มครองที่ได้กล่าวไปข้างต้น การพิจารณาทำประกันภัยเพิ่มเติม ยังเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยเสริมความมั่นคงในชีวิตและการเงินในระยะยาว

 

1. ประกันสุขภาพส่วนบุคคล

 

ประกันสุขภาพแบบกลุ่ม จะไม่สามารถปรับเปลี่ยนความคุ้มครองได้ตามความต้องการของแต่ละบุคคล ทำให้มนุษย์เงินเดือนที่ต้องการสร้างความอุ่นใจในเรื่องสุขภาพมักพิจารณาทำประกันสุขภาพส่วนบุคคลเพิ่มเติม เนื่องจากประกันสุขภาพส่วนบุคคล ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยเติมเต็มความคุ้มครองที่ประกันสุขภาพกลุ่มจากที่ทำงานอาจไม่คุ้มครอง โดยเฉพาะเมื่อเกิดสถานการณ์ที่ต้องเผชิญกับค่ารักษาพยาบาลสูง หรือต้องเจอกับการรักษาที่มีความซับซ้อน เช่น การรักษาโรคร้ายแรง การผ่าตัดใหญ่ หรือการรักษาผู้ป่วยนอก (OPD) โดยประกันสุขภาพส่วนบุคคลจะช่วยให้ผู้เอาประกัน ภัย ได้รับความคุ้มครองเพิ่มเติมในกรณีที่ค่ารักษาพยาบาลเกินวงเงินที่กำหนดจากสวัสดิการประกันของที่ทำงาน อีกทั้งยังสามารถพิจารณากรมธรรม์ที่มีตัวเลือกโรงพยาบาลที่ต้องการเข้ารับบริการได้ตั้งแต่แรก ทำให้สามารถเข้ารับการรักษาได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย ช่วยแบ่งเบาภาระค่ารักษาที่เกิดขึ้นได้

 

2. ประกันชีวิต

 

ประกันชีวิต เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่สามารถช่วยสร้างความมั่นคงทางการเงินให้แก่ครอบครัว โดยเฉพาะในกรณีที่เกิดเหตุไม่คาดฝัน เช่น การเสียชีวิตหรือทุพพลภาพ ซึ่งไม่เพียงให้ความคุ้มครองทางการเงิน แต่ยังช่วยวางแผนการออมเงินในระยะยาวด้วย จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับมนุษย์เงินเดือนที่ต้องการสร้างหลักประกันในชีวิต

 

3. ประกันโรคร้ายแรง

 

โรคร้ายแรง เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจ หรือโรคหลอดเลือดสมอง มักมาพร้อมกับค่ารักษาพยาบาลจำนวนมาก และต้องดูแลสุขภาพอย่างต่อเนื่อง ประกันโรคร้ายแรงจึงเป็นทางเลือกที่ช่วยลดผลกระทบด้านการเงิน อีกทั้งประกันโรคร้ายแรงส่วนมากยังจะให้เงินก้อนทันทีเมื่อได้รับการวินิจฉัยโรค นอกจากนี้ยังให้ความคุ้มครองระยะยาว จึงมั่นใจได้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายในการรักษาที่ไม่กระทบต่อการเงินในชีวิตประจำวัน หรือเงินเดือนที่ได้รับ

 

4. ประกันชดเชยรายได้

 

ประกันชดเชยรายได้ เป็นเครื่องมือที่ช่วยลดผลกระทบจากการขาดรายได้ในกรณีที่ต้องหยุดงานเนื่องจากการป่วยหรือเกิดอุบัติเหตุ จึงเป็นหนึ่งในประกันภัยที่เหมาะกับพนักงานออฟฟิศมากที่สุด เนื่องจากสามารถช่วยชดเชยรายได้ที่สูญเสียไปในช่วงพักรักษาตัว สร้างความอุ่นใจให้กับพนักงานที่มีรายได้เพียงช่องทางเดียวและมีภาระทางการเงิน เช่น ค่าผ่อนบ้าน หรือค่าใช้จ่ายในการดูแลครอบครัว

 

5. ประกันเกษียณอายุ

 

ประกันเกษียณอายุ เป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้พนักงานออฟฟิศ สามารถเตรียมความพร้อมสำหรับการใช้ชีวิตหลังเกษียณได้อย่างมั่นคง ด้วยการวางแผนการเงินในระยะยาวเพื่อสร้างความมั่นใจว่าในวันที่ไม่มีรายได้ประจำ จะยังคงมีเงินเพียงพอสำหรับการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบรายได้รายเดือนจากประกันบำนาญ หรือเงินก้อนจากประกันสะสมทรัพย์ โดยการเริ่มต้นทำประกันเกษียณตั้งแต่อายุยังน้อยจะช่วยให้สามารถสะสมเงินได้มากขึ้น ลดภาระการชำระเบี้ยประกันในระยะยาว

 

แม้การมีสวัสดิการด้านสุขภาพจากที่ทำงานจะช่วยให้เรารู้สึกอุ่นใจในระดับหนึ่ง แต่การเพิ่มความคุ้มครองด้วยการทำประกันภัยประเภทอื่น ๆ เพิ่มเติม จะช่วยเสริมสร้างความมั่นคงในชีวิตได้มากขึ้น การเลือกประกันภัยที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์และความต้องการส่วนบุคคลเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ได้รับความคุ้มครองที่ครอบคลุมที่สุด หากกำลังมองหาประกันสุขภาพที่ตอบโจทย์ PRUHealthcare Plus จาก พรูเด็นเชียล ประกันชีวิต ให้คุณเลือกโรงพยาบาลและค่าห้องพักได้ตามใจ ด้วยแผนความคุ้มครองสุขภาพสูงสุดถึง 500,000 บาท ต่อปี ที่ครอบคลุมทุกค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล คุ้มครองประกันสุขภาพผู้ป่วยใน (IPD) รองรับค่าใช้จ่ายในการรักษา ค่าห้องพัก รวมถึงค่ายาสำหรับการพักรักษาตัวในโรงพยาบาล พร้อมปกป้องสุขภาพและการเงินของคุณจากความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

 

ข้อมูลอ้างอิง

1. การประกันกลุ่ม. สืบค้นเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2567 จาก https://www.tgia.org/upload/file_group/29/download_452.pdf