Date  
31st January 2025

 

การทำประกันชีวิตในปัจจุบันไม่ได้คุ้มครองเพียงแค่การเสียชีวิตเท่านั้น แต่ยังสามารถเพิ่มความคุ้มครองด้านสุขภาพเพิ่มเติมเอาไว้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นความคุ้มครองด้านค่ารักษาพยาบาล ความคุ้มครองโรคร้ายแรงรวมถึงโรคมะเร็ง แต่หลายคนอาจยังสงสัยว่า แล้วเราควรซื้อประกันชีวิตแบบไหนดีให้เหมาะกับความต้องการ ? รวมถึงต้องเลือกความคุ้มครองในเรื่องใดบ้าง ? หรือควรทำประกันสุขภาพเผื่อไว้ด้วย มาทำความเข้าใจและเรียนรู้วิธีเลือกแผนประกันภัยที่ใช่สำหรับคุณกัน

  

ทำไมต้องทำประกันภัย ?

 

การทำประกันภัย ไม่ว่าจะเป็นการทำประกันชีวิตหรือประกันสุขภาพ ถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการวางแผนการเงินระยะยาว ด้วยเหตุผลสำคัญหลายประการ

 

ช่วยสร้างความมั่นคงทางการเงิน

 

ในยุคที่ค่าครองชีพและค่ารักษาพยาบาลสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง การทำประกันชีวิตหรือประกันสุขภาพเอาไว้ จะช่วยลดภาระทางการเงินที่อาจเกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด โดยเฉพาะค่ารักษาพยาบาลที่อาจสูงถึงหลักล้านบาทต่อครั้ง

 

การสร้างหลักประกันให้ครอบครัว

 

หากคุณเป็นเสาหลักของครอบครัว การเลือกแผนประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุม จะช่วยให้คุณอุ่นใจว่า หากเกิดเหตุที่ไม่คาดคิด ครอบครัวยังมีเงินก้อนสำหรับใช้จ่ายและดำรงชีวิตต่อไปได้ ทั้งยังช่วยให้ลูก ๆ ได้เรียนต่อตามที่ตั้งใจไว้ และไม่ต้องแบกรับภาระหนี้สินในภายภาคหน้า

 

การรับมือความเสี่ยงด้านสุขภาพ

 

ปัจจุบันพบว่าคนไทยมีความเสี่ยงเป็นโรคร้ายแรงในช่วงอายุน้อยลง โดยเฉพาะโรคมะเร็ง โรคหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมอง การมีประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองด้านสุขภาพ จะเป็นการเตรียมความพร้อมด้านค่าใช้จ่ายในอนาคต

 

ประกันชีวิต VS ประกันสุขภาพ ต่างกันอย่างไร ?

  

หลายคนอาจคุ้นเคยกับการทำประกันภัยทั้งสองรูปแบบกันมาบ้าง แต่อาจยังไม่เข้าใจว่า ทั้งประกันชีวิตและประกันสุขภาพมีความแตกต่างกันอย่างไร ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะต่างกันในเรื่องของความคุ้มครอง ดังนี้

 

ประกันชีวิต

 

● เน้นความคุ้มครองกรณีเสียชีวิต

● มีส่วนของการสะสมทรัพย์ (ในบางแบบประกันภัย)

● สามารถเพิ่มความคุ้มครองด้านสุขภาพได้ผ่านสัญญาเพิ่มเติม

● มีผลตอบแทนระยะยาว

 

ประกันสุขภาพ

 

● เน้นคุ้มครองค่ารักษาพยาบาล

● ไม่มีส่วนของการสะสมทรัพย์

● ครอบคลุมทั้งผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอก

● ไม่มีผลตอบแทนกรณีครบกำหนดสัญญา

   

 

เลือกแผนประกันชีวิต/ประกันสุขภาพแบบไหนดี เลือกอย่างไรให้เหมาะกับคุณ ?

 

หากถามว่า ควรทำประกันสุขภาพหรือประกันชีวิตแบบไหนดีสุด คงไม่มีคำตอบตายตัว เพราะในการทำประกันภัยในแต่ละประเภทจะต้องพิจารณาถึงความต้องการของแต่ละบุคคล โดยมีแนวทางการเลือกแผนประกันภัย ดังนี้

 

1. เลือกประเภทของประกันชีวิต และประกันสุขภาพที่เหมาะสม

 

ปัจจุบันประกันชีวิตและประกันสุขภาพมีให้เลือกหลายประเภทตามเงื่อนไข รวมถึงระยะเวลาคุ้มครอง และผลประโยชน์ที่จะได้รับ จึงควรเลือกให้เหมาะกับความต้องการของแต่ละคน เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าสูงสุด

 

ตัวอย่างประเภทของประกันชีวิต

1. แบบตลอดชีพ : เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความคุ้มครองระยะยาวและต้องการสร้างมรดกให้ครอบครัว

2. แบบสะสมทรัพย์ : เหมาะกับผู้ที่ต้องการทั้งความคุ้มครองและการออมเงิน โดยจะได้รับเงินคืนตามระยะเวลาที่กำหนด

3. แบบชั่วระยะเวลา : เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความคุ้มครองสูงในระยะเวลาที่กำหนด ด้วยเบี้ยประกันภัยที่ต่ำกว่า

 

ตัวอย่างประเภทของประกันสุขภาพ

1. ประกันสุขภาพแบบเหมาจ่าย : เป็นประกันที่ให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลตามวงเงินที่กำหนดต่อปี โดยผู้เอาประกันภัยสามารถเข้ารับการรักษาได้ตามโรงพยาบาลในเครือข่ายที่กำหนด และบริษัทประกันภัยจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้โดยตรงกับโรงพยาบาล ทำให้ไม่ต้องสำรองจ่ายเงินล่วงหน้า เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความสะดวกในการเข้ารับการรักษา

2. ประกันสุขภาพแบบเฉพาะโรค : ให้ความคุ้มครองเฉพาะโรคร้ายแรงที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง เป็นต้น โดยจะจ่ายเงินก้อนตามวงเงินที่ระบุเมื่อได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคที่คุ้มครอง

3. ประกันสุขภาพแบบผู้ป่วยนอก : ให้ความคุ้มครองเฉพาะการรักษาแบบผู้ป่วยนอก ไม่รวมการนอนโรงพยาบาล โดยครอบคลุมค่าตรวจรักษา ค่ายา และค่าหัตถการต่าง ๆ ตามวงเงินที่กำหนด เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องพบแพทย์เป็นประจำหรือมีโรคประจำตัวที่ต้องรักษาต่อเนื่อง

4. ประกันสุขภาพแบบชดเชยรายวัน : ให้ความคุ้มครองในรูปแบบของเงินชดเชยรายวันเมื่อต้องนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาล โดยจะจ่ายเงินตามจำนวนวันที่เข้าพักรักษา เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเงินชดเชยรายได้ที่หายไประหว่างพักรักษาตัว

 

2. เลือกประกันที่ให้ความคุ้มครองตอบโจทย์ความต้องการ

  

เมื่อตัดสินใจได้แล้วว่าต้องการประกันชีวิต หรือประกันสุขภาพประเภทใด สิ่งสำคัญต่อไปคือการวางแผนเลือกแบบประกันภัยที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณ โดยพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น อายุ ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต และความต้องการความคุ้มครองในอนาคต การวางแผนทำประกันภัยควรเริ่มตั้งแต่ตอนที่สุขภาพยังแข็งแรง เนื่องจากบริษัทประกันภัยจะพิจารณาจากข้อมูลสุขภาพปัจจุบันของผู้สมัคร รวมถึงประวัติการเจ็บป่วยทั้งของตัวผู้สมัครเองและครอบครัว ซึ่งอาจส่งผลต่อเงื่อนไข เบี้ยประกันภัย หรืออาจมีการปฏิเสธการรับทำประกันภัยได้

  

นอกจากนี้ ควรพิจารณาสวัสดิการที่มีอยู่ เช่น ประกันสังคม ประกันกลุ่มจากที่ทำงาน หรือสวัสดิการข้าราชการ เพื่อเลือกความคุ้มครองเสริมในส่วนที่ยังขาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณเป็นหัวหน้าครอบครัวที่มีภาระต้องดูแลคนในครอบครัว ยิ่งจำเป็นต้องมีความคุ้มครองที่ครอบคลุมและเพียงพอ

  

3. คำนวณจำนวนเงินเอาประกันภัยให้ลงตัว

 

การคำนวณจำนวนเงินเอาประกันภัยที่เหมาะสมควรพิจารณาจากปัจจัยหลายด้าน เริ่มจากการประเมินค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลของโรงพยาบาลที่คุณต้องการใช้บริการ โดยทั่วไป ค่ารักษาในโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำอาจสูงถึง 5,000-10,000 บาทต่อวัน

 

สูตรง่าย ๆ ในการคำนวณจำนวนเงินเอาประกันภัยขั้นต่ำคือ ประมาณการค่ารักษาต่อครั้ง (เช่น 100,000 บาท) คูณด้วยจำนวนครั้งที่อาจต้องเข้ารักษาต่อปี (เช่น 2-3 ครั้ง) บวกกับค่าใช้จ่ายสำรองฉุกเฉิน ยกตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการความคุ้มครองที่เพียงพอสำหรับการรักษาในโรงพยาบาลเอกชน ควรเลือกจำนวนเงินเอาประกันภัย อย่างน้อย 500,000 บาทต่อปี

 

4. พิจารณาปัจจัยอื่น ๆ ร่วมด้วยในการเลือกแผนประกันชีวิตหรือประกันสุขภาพ

 

การเลือกแผนประกันชีวิตหรือประกันสุขภาพที่เหมาะสมไม่ได้ขึ้นอยู่กับวงเงินคุ้มครองเพียงอย่างเดียว แต่จะต้องพิจารณาถึงเงื่อนไขความคุ้มครองอย่างละเอียดด้วย เช่น

 

● ระยะเวลารอคอย (Waiting Period) ซึ่งโดยทั่วไปจะอยู่ที่ 30 วันสำหรับการเจ็บป่วยทั่วไป และ 120 วันสำหรับโรคที่กำหนดในกรมธรรม์ และอาจนานถึง 1 ปีสำหรับโรคร้ายแรงบางชนิด

● เครือข่ายโรงพยาบาลที่สามารถใช้บริการได้ โดยเฉพาะโรงพยาบาลใกล้บ้านหรือที่ทำงาน

● บริการเสริมอื่น ๆ เช่น การเคลมแบบไม่ต้องสำรองจ่าย บริการให้คำปรึกษาทางการแพทย์ทางโทรศัพท์

 

นอกจากนี้ ยังควรพิจารณาความยืดหยุ่นในการปรับเพิ่มความคุ้มครองในอนาคต รวมถึงความมั่นคงของบริษัทประกันภัย ประวัติการจ่ายเคลม และการบริการหลังการขายประกอบการตัดสินใจด้วย

 

ประกันชีวิตในปัจจุบัน ไม่ได้คุ้มครองแค่กรณีเสียชีวิตอีกต่อไป

 

ประกันชีวิตในยุคปัจจุบันได้พัฒนาให้ครอบคลุมความต้องการของผู้เอาประกันภัยมากขึ้น โดยสามารถเพิ่มความคุ้มครองสำคัญผ่านสัญญาเพิ่มเติม (Rider) ต่าง ๆ ได้ เช่น

 

● ความคุ้มครองโรคร้ายแรงและมะเร็ง : ให้ความคุ้มครองครอบคลุมโรคร้ายแรงกว่า 40 โรค เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง ไตวาย เบาหวานขั้นรุนแรง ฯลฯ รวมถึงโรคมะเร็งทุกชนิด โดยจ่ายเงินก้อนให้ทันทีเมื่อได้รับการวินิจฉัย ช่วยรองรับค่าใช้จ่ายในการรักษาและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้น สำหรับกรณีมะเร็ง คุณจะได้รับเงินก้อนทันทีตั้งแต่ระยะเริ่มต้น โดยไม่ต้องรอให้อาการลุกลาม พร้อมรับค่ารักษาต่อเนื่องรายเดือนและค่าตรวจติดตามผล ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาที่อาจสูงถึงหลักล้านบาท

 

● ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาล : ให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลทั้งกรณีผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอก ครอบคลุมค่าห้องพัก ค่าแพทย์ ค่ายา ค่าผ่าตัด และค่าตรวจวินิจฉัยต่าง ๆ ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ที่นับวันยิ่งสูงขึ้น ทำให้คุณสามารถเข้าถึงการรักษาที่มีคุณภาพได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย

 

● ค่าชดเชยรายได้ : รับเงินชดเชยรายวันตั้งแต่วันแรกที่เข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาล ช่วยชดเชยรายได้ที่ขาดหายไประหว่างที่ไม่สามารถทำงานได้ ทำให้คุณสามารถพักรักษาตัวได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย

 

แนะนำประกันชีวิตและสุขภาพ PRUHealthcare Plus แผนประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองทั้งกรณีเสียชีวิต ค่ารักษาพยาบาล และโรคมะเร็ง ครบ จบในกรมธรรม์เดียว

 

อีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการทำประกันสุขภาพที่ให้ความคุ้มครองครอบคลุมกับ PRUHealthcare Plus ซึ่งเป็นประกันสุขภาพแบบเหมาจ่ายที่ให้ความคุ้มครองทั้งค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยใน พร้อมความคุ้มครองพิเศษสำหรับโรคมะเร็ง และผลประโยชน์กรณีเสียชีวิต

 

ทำไมต้องเลือก PRUHealthcare Plus ?

 

1. ให้ความคุ้มครองสูง คุ้มค่าคุ้มราคา

2. ครอบคลุมทั้งกรณีเจ็บป่วยและเสียชีวิต

3. เลือกแผนประกันได้ตามงบประมาณ

4. สมัครง่าย เพียงตอบคำถามสุขภาพ

5. มีเครือข่ายโรงพยาบาลรองรับทั่วประเทศ

6. บริการที่เป็นเลิศจากพรูเด็นเชียล

 

การเจ็บป่วยเป็นสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดและอาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ประกันชีวิตและสุขภาพ PRUHealthcare Plus จาก พรูเด็นเชียล ประกันชีวิต พร้อมเป็นเกราะคุ้มครองสุขภาพให้คุณใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจ ด้วยความคุ้มครองที่ครอบคลุม ให้คุณได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด อีกทั้งยังมีผลประโยชน์กรณีเสียชีวิตเหมือนกับประกันชีวิต ติดต่อที่ปรึกษาด้านประกันของเราวันนี้ เพื่อรับคำแนะนำแผนที่เหมาะกับคุณ