Table of Content:
● ทำไมเราต้องฉีดวัคซีนตามช่วงอายุ ?
● วัคซีนผู้ใหญ่ตามช่วงอายุมีอะไรบ้าง ?
○ วัยเริ่มต้นของผู้ใหญ่ (18-26 ปี)
○ วัยทำงานทั่วไป (27-65 ปี)
○ วัยเกษียณหรือสูงวัย (65 ปีขึ้นไป)
○ กลุ่มคนที่มีโรคประจำตัว
Content:
หลายคนอาจคิดว่าการฉีดวัคซีนเป็นเรื่องของเด็ก ๆ ที่ภูมิคุ้มกันยังสร้างไม่เต็มที่ แต่รู้หรือไม่ว่า คนวัยทำงานก็ต้องการวัคซีนตามช่วงอายุเช่นเดียวกัน
เนื่องจากพอเราเริ่มเข้าสู่วัยทำงาน ระบบภูมิคุ้มกันก็ จะเริ่มเปลี่ยนแปลง บางคนทำงานหนัก พักผ่อนน้อย หรืออยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยงมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว การฉีดวัคซีนจึงไม่ใช่เรื่องไกลตัวอย่างที่หลาย ๆ คนคิด ลองมาดูกันว่าวัคซีนผู้ใหญ่มีอะไรบ้าง ที่สามารถช่วยป้องกันโรคร้ายที่อาจเกิดขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัว
หลายคนอาจจะมองว่า โตแล้วทำไมต้องฉีดวัคซีนด้วย ? แต่อย่างที่เราทราบกันดีว่า วัคซีนคือสารชีวภาพที่ฉีดเข้าสู่ร่างกายเพื่อกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันโรค ซึ่งสารชีวภาพเหล่านั้น อาจจะเป็นเชื้อโรคที่ตายแล้วหรือเชื้อโรคที่ยังมีฤทธิ์อ่อน ๆ ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจดจำและรู้วิธีกำจัด รวมถึงสร้างแอนติบอดีขึ้นมาเพื่อต่อสู้กับเชื้อโรค ทำให้เกิดการตอบสนองอย่างรวดเร็วเมื่อมีเชื้อโรคเ ข้าสู่ร่างกาย
การฉีดวัคซีนในวัยผู้ใหญ่จึงเป็นหนึ่งในการสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย ทั้งกับโรคที่เราเคยมีภูมิคุ้มกัน แต่อาจจะอ่อนแรงลงเมื่อเวลาผ่านไปนาน หรือเป็นโรคใหม่ ๆ ที่ร่างกายอาจไม่เคยรู้จักมาก่อน
สำหรับคนที่ยังไม่แน่ใจว่าในวัยผู้ใหญ่ ควรฉีดวัคซีนอะไรบ้าง นี่คือ เช็กลิสต์คร่าว ๆ ที่เรานำมาฝากกัน
เป็นวัยที่สุขภาพแข็งแรง แต่ควรฉีดวัคซีนดังต่อไปนี้ เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย
| วัคซีน | ทำไมต้องฉีด ? | ความถี่ |
|---|---|---|
| วัคซีนไข้หวัดใหญ่ | เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่มีการกลายพันธุ์ทุกปี ทำให้วัคซีนที่ฉีดไปไม่สามารถป้องกันเชื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ | ทุกปี |
| วัคซีนบาดทะยัก-คอตีบ | เป็นเชื้อที่ติดต่อได้จากการสัมผัสสิ่งแวดล้อม และมีความรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ | ฉีดกระตุ้นทุก 10 ปี หากไม่เคยฉีดมาก่อนควรฉีดเพื่อความปลอดภัย |
| วัคซีน MMR (หัด-คางทูม-หัดเยอรมัน) | เป็นโรคที่ติดต่อได้โดยการสูดดมละอองฝอยของสารคัดหลั่งจากระบบทางเดินหายใจของผู้ป่วย เป็นโรคที่มีอาการรุนแรงและติดต่อได้ง่าย | สำหรับผู้ที่ไม่เคยป่วยหรือไม่เคยฉีดวัคซีนมาก่อน |
| วัคซีน HPV | ไวรัส HPV เป็นสาเหตุหลักของมะเร็งปากมดลูก ซึ่งการรับวัคซีนจะช่วยลดความเสี่ยง และยังสามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ ได้อีกด้วย แนะนำให้ฉีดทั้งผู้หญิงและผู้ชาย | ฉีดครบตามกำหนดแล้วไม่จำเป็นต้องกระตุ้นซ้ำ |
| วัคซีนไวรัสตับอักเสบบี | ป้องกันการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี ซึ่งนำไปสู่โรคตับแข็ง มะเร็งตับ หรือภาวะตับอักเสบอื่น ๆ | ฉีดครบกำหนดแล้ว โดยปกติไม่จำเป็นต้องฉีดซ้ำ |
| วัคซีนป้องกันโรคอีสุกอีใส | ช่วยป้องกันและลดความรุนแรงของโรคอีสุกอีใส | สำหรับผู้ที่ไม่เคยเป็นโรคอีสุกอีใส ฉีดครั้งเดียวจะมีภูมิคุ้มกันตลอดชีวิต |
วัยนี้จะมีเป็นวัยที่ต้องรับผิดชอบมากขึ้น ทำให้ต้องดูแลรักษาสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ โดยมีวัคซีนที่แนะนำว่าควรฉีดดังต่อไปนี้
| วัคซีน | ทำไมต้องฉีด ? | ความถี่ |
|---|---|---|
| วัคซีนไข้หวัดใหญ่ | เชื้อมีการกลายพันธุ์ | ทุกปี |
| วัคซีนบาดทะยัก-คอตีบ | ฉีดกระตุ้น | ทุก 10 ปี |
| วัคซีนไวรัสตับอักเสบบี วัคซีน MMR และอีสุกอีใส | เพื่อป้องกันโรคร้ายแรง และความรุนแรงของโรค สำหรับคนที่ไม่เคยฉีดวัคซี นหรือไม่เคยได้รับเชื้อ | ฉีดครบแล้ว ไม่จำเป็นต้องกระตุ้นซ้ำ |
นอกจากนี้ สำหรับผู้ที่ชอบรับประทานของดิบ เดินทางบ่อย หรือมีปัจจัยเสี่ยงใกล้ตัว แนะนำให้ฉีดวัคซีนไวรัสตับอักเสบเอเพิ่มเติม และสำหรับผู้หญิงที่อายุเกิน 26 ปี สามารถฉีดวัคซีน HPV ได้ หากแพทย์ได้พิจารณาแล้วว่าเหมาะสม
เป็นช่วงวัยที่สุขภาพเริ่มถดถอย ภูมิคุ้มกันเริ่มลดลง ทำให้ต้องฉีดวัคซีนเพื่อเสริมภูมิคุ้มกันร่างกายเพิ่มเติม
| วัคซีน | ทำไมต้องฉีด ? | ความถี่ |
|---|---|---|
| วัคซีนไข้หวัดใหญ่ | เชื้อมีการกลายพันธุ์ | ทุกปี |
| วัคซีนบาดทะยัก-คอตีบ | ฉีดกระตุ้น | ทุก 10 ปี |
| วัคซีนป้องกันโรคปอดบวม (นิวโมคอคคัส) | ช่วยลดความเสี่ยงของโรคปอดบวม เยื่อหุ้มสมองอักเสบ การติดเชื้อในกระแสเลือด และการติดเชื้ออื่น ๆ ลดความรุนแรงของโรคและภาวะแทรกซ้อน ซึ่งอาจจะรุนแรงถึงขั้นเส ียชีวิต | ครั้งเดียว แต่อาจจะฉีดกระตุ้นในกรณีของผู้สูงอายุ หรือมีโรคประจำตัว |
| วัคซีนงูสวัด | ช่วยลดความรุนแรงของโรค ซึ่งเป็นโรคที่เกิดในผู้ที่เคยเป็นอีสุกอีใส แล้วเชื้อไปหลบในปมประสาท รอเวลาที่ร่างกายอ่อนแอ เมื่อเป็นแล้วจะมีอาการปวดแสบร้อน มีตุ่มน้ำ สร้างความทรมานทั้งร่างกายและจิตใจ | แนะนำให้ตรวจภูมิคุ้มกันทุก 10 ปี |
สำหรับกลุ่มคนที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ หรือโรคปอด มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงหากติดเชื้อ ควรได้รับวัคซีนเพื่อป้องกันความรุนแรงของโรค
| วัคซีน | ทำไมต้องฉีด | ความถี่ |
|---|---|---|
| วัคซีนไข้หวัดใหญ่ | เชื้อมีการกลายพันธุ์ | ทุกปี |
| วัคซีนบาดทะยัก-คอตีบ | ฉีดกระตุ้น | ทุก 10 ปี |
| วัคซีนไวรัสตับอักเสบบี | ป้องกันความรุนแรงข องโรคตับ | ควรฉีดซ้ำ เมื่อภูมิคุ้มกันตก |
| วัคซีนป้องกันโรคปอดบวม (นิวโมคอคคัส) | ลดความรุนแรงของโรคและภาวะแทรกซ้อน | ครั้งเดียว แต่อาจจะฉีดกระตุ้นหากภูมิคุ้มกันตก |
การฉีดวัคซีนคือการวางแผนล่วงหน้าที่ช่วยให้คุณไม่ต้องเสียเวลา เสียเงิน และเสียสุขภาพกับการรักษาโรคที่ป้องกันได้ แต่ถ้ายังมีวัคซีนไหนที่คุณยังไม่ได้ฉีด หรือไม่ได้ฉีดมานานแล้ว ลองปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจภูมิคุ้มกันและวางแผนให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์
แต่นอกจากการฉีดวัคซีคป้องกันโรคแล้ว การเตรียมความพร้อมในเรื่องค่ารักษาพยาบาลยามเจ็บป่วยก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะสุขภาพดีวันนี้ ไม่ได้แปลว่าเราจะไม่ต้องใช้เงินดูแลตัวเองในวันหน้า เพิ่มความอุ่นใจด้วยการซื้อประกันออนไลน์ จากพรูเด็นเชียล ประกันชีวิต ไม่ว่าจะเป็นประกันชีวิต ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ ประกันสุขภาพ ประกันโรคร้ายแรง ก็สามารถคลิกซื้อออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ได้แล้ววันนี้
สนใจซื้อประกันออนไลน์ กับพรูเด็นเชียล ประกันชีวิต คลิกเลย
หมายเหตุ
● ความคุ้มครองขึ้นกับแผนประกันภัยที่เลือก
● เงื่อนไขความคุ้มครองเป็นไปตามที่กรมธรรม์กำหนด
● ผู้ซื้อควรทำความเข้าใจรายละเอียดความคุ้มครองและเงื่อนไขก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง
ข้อมูลอ้างอิง
● วัคซีนไข้หวัดใหญ่ จำเป็นแค่ไหน ทำไมต้องฉีดทุกปี
● วัคซีนป้องกันโรคหัด คางทูม หัดเยอรมัน
● ประโยชน์ของการฉีดวัคซีน HPV ที่มากกว่าแค่ป้องกัน 'มะเร็งปากมดลูก'
● วัยผู้ใหญ่ไม่อยากเป็นโรคอีสุกอีใส...ป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีน
● วัคซีนป้องกันโรคงูสวัด ชนิดใหม่
วัคซีนไข้หวัดใหญ่ (ฉีดทุกปี), วัคซีนบาดทะยัก-คอตีบ (ทุก 10 ปี), วัคซีน MMR (หัด-คางทูม-หัดเยอรมัน), วัคซีนไวรัสตับอักเสบบี และวัคซีนป้องกันปอดบวมในบางช่วงวัยหรือกลุ่มเสี่ยง
วัคซีนไข้หวัดใหญ่ต้องฉีดซ้ำทุกปี และควรฉีดวัคซีนบาดทะยัก-คอตีบทุก 10 ปี นอกจากนี้ยังแนะนำให้ตรวจภูมิคุ้มกันไวรัสตับอักเสบบี หากภูมิคุ้มกันตกควรฉีดกระตุ้น
ขึ้นอยู่กับโรคและภูมิคุ้มกันที่เหลืออยู่ ควรตรวจเลือดเพื่อประเมินความจำเป็นในการฉีดวัคซีน
โดยปกติวัคซีนจะอยู่ในข้อยกเว้นที่ไม่ได้รับความคุ้มครองจากสัญญาเพิ่มเติมค่ารักษาพยาบาล ควรตรวจสอบรายละเอียดความคุ้มครองกับบริษัทประกันก่อนเข้ารับบริการทุกครั้ง