Date  
18th October 2024

ลมหนาวมาถึงแล้ว หลายคนคงกำลังเพลิดเพลินกับบรรยากาศที่เย็นสบาย แต่รู้หรือไม่ว่า อากาศที่เปลี่ยนแปลงในช่วงนี้ ไม่ได้นำมาแค่ความหนาวเย็นเท่านั้น แต่ยังเป็นช่วงที่อาจเกิดโรคระบาดได้ง่าย โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยงอย่างเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ซึ่งหลายคนอาจนึกถึงแค่ไข้หวัดธรรมดา แต่ความจริงแล้ว โรคที่มากับหน้าหนาวมีมากกว่านั้น และบางโรคก็อาจรุนแรงจนต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ส่งผลให้เกิดค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิดตามมา

 

  

1.ไข้หวัด

 

ไข้หวัดธรรมดาเป็นโรคติดต่อที่พบบ่อยที่สุดในหน้าหนาว สาเหตุเกิดจากเชื้อไวรัสหลายชนิดที่แพร่กระจายได้ง่ายผ่านละอองฝอยจากการไอ จาม หรือการสัมผัสสิ่งของที่ปนเปื้อนเชื้อ แล้วมาสัมผัสบริเวณจมูกหรือปาก ผู้ป่วยจะมีอาการน้ำมูกไหล ไอ จาม เจ็บคอ มีไข้ต่ำ ๆ และอ่อนเพลีย โดยทั่วไปอาการมักคงอยู่ประมาณ 7-10 วัน

 

วิธีดูแลและป้องกันตนเองจากโรคไข้หวัด

 

● สวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในที่แออัดหรือใกล้ชิดผู้ป่วย

● ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะหลังจามหรือไอ และก่อนรับประทานอาหาร

● พักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 7-8 ชั่วโมง

● รับประทานผลไม้ น้ำผลไม้ หรือวิตามินซีเสริมอาหารเพื่อให้ร่างกายได้รับวิตามินซีซึ่งมีส่วนช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน

 

2. ไข้หวัดใหญ่

 

ไข้หวัดใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัสอินฟลูเอนซาที่มีความรุนแรงกว่าไข้หวัดธรรมดามาก มักติดต่อผ่านการหายใจเอาละอองฝอยจากผู้ป่วยเข้าไป หรือการสัมผัสพื้นผิวที่มีเชื้อไข้หวัดใหญ่แล้วมาสัมผัสปาก จมูก ตาของตนเอง ซึ่งผู้ป่วยจะมีอาการที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เริ่มจากไข้สูง 38-40 องศา ปวดเมื่อยตามตัวรุนแรง ปวดศีรษะ อ่อนเพลียมาก ไอแห้ง ๆ เจ็บคอ และอาจมีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหลร่วมด้วย สิ่งที่น่ากังวลสำหรับโรคนี้คือ อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่อันตราย เช่น ปอดอักเสบ หรือระบบหายใจล้มเหลวได้

 

วิธีดูแลและป้องกันตนเองจากโรคไข้หวัดใหญ่

● ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ประจำปี โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคประจำตัว และสตรีมีครรภ์

● หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่แออัดหรือใกล้ชิดผู้ป่วย สวมหน้ากากอนามัยเมื่อจำเป็น และล้างมือบ่อย ๆ

● หากมีอาการรุนแรง เช่น ไข้สูงไม่ลด หายใจลำบาก หรือซึมลง ควรรีบพบแพทย์ทันที

 

3. โรคหอบหืด

 

โรคหอบหืดเป็นโรคเรื้อรังที่ทำให้หลอดลมไวต่อสิ่งกระตุ้นมากกว่าปกติ และในช่วงหน้าหนาว อากาศที่เย็นและแห้งจะกระตุ้นให้หลอดลมหดเกร็งได้ง่าย นอกจากนี้ การที่ผู้คนมักอยู่รวมกันในที่ปิดยังทำให้สัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้และเชื้อไวรัสได้มากขึ้น ส่งผลให้มีอาการหอบหืดกำเริบได้บ่อย โดยผู้ป่วยจะมีอาการหายใจลำบาก แน่นหน้าอก ไอ และหายใจมีเสียงหวีดโดยเฉพาะในเวลากลางคืนหรือเช้าตรู่

 

วิธีดูแลและป้องกันตนเองจากโรคหอบหืด

● สวมใส่เสื้อผ้าที่อบอุ่นเพียงพอ

● หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายกลางแจ้งในช่วงที่อากาศเย็น

● ทำความสะอาดที่พักอาศัยอย่างสม่ำเสมอ และอาจใช้เครื่องฟอกอากาศ

● ควรควบคุมความชื้นในบ้านให้เหมาะสม

● สำหรับผู้ที่มีประวัติโรคหอบหืด ควรพกยาขยายหลอดลมติดตัวไว้เสมอ

● หากมีอาการกำเริบรุนแรง ควรรีบพบแพทย์ทันที

 

4. โรคปอดอักเสบ

 

โรคปอดอักเสบคืออีกหนึ่งโรคหน้าหนาว โรคนี้เป็นภาวะที่เนื้อปอดเกิดการอักเสบจากการติดเชื้อ ซึ่งอาจเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส หรือเชื้อราก็ได้ พบได้บ่อยในช่วงหน้าหนาวโดยเฉพาะในกลุ่มเด็กเล็กและผู้สูงอายุ การติดโรคส่วนใหญ่เกิดจากการหายใจเอาละอองฝอยที่มีเชื้อโรคเข้าไป หรือบางครั้งอาจเกิดจากภาวะแทรกซ้อนจากไข้หวัดใหญ่ ผู้ป่วยจะมีอาการไข้สูง ไอมีเสมหะที่อาจมีสีเหลืองหรือเขียว หายใจเร็วและหอบเหนื่อย เจ็บแน่นหน้าอก อ่อนเพลียมาก และอาจมีอาการเบื่ออาหาร

 

วิธีดูแลและป้องกันตนเองจากโรคปอดอักเสบ

 

● รักษาสุขอนามัยอย่างเคร่งครัด ล้างมือบ่อย ๆ สวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในที่แออัด

● สำหรับกลุ่มเสี่ยงควรได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคปอดอักเสบตามคำแนะนำของแพทย์

● งดสูบบุหรี่และหลีกเลี่ยงการได้รับควันบุหรี่มือสอง

● รักษาร่างกายให้อบอุ่น และพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน

● หากมีอาการไข้สูง หายใจลำบาก หรือไอมีเสมหะเปลี่ยนสี ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย และเข้ารับการรักษาอย่างถูกต้อง

 

5. โรคหัด

 

โรคหัดเป็นโรคติดต่อที่เกิดจากเชื้อไวรัสหัด ซึ่งแพร่กระจายได้ง่ายมากผ่านทางอากาศและการสัมผัสละอองฝอยจากการไอ จาม โดยเฉพาะในพื้นที่ปิดหรือมีการระบายอากาศไม่ดี ซึ่งพบได้บ่อยในช่วงหน้าหนาว ผู้ป่วยจะมีอาการไข้สูง ไอ น้ำมูกไหล ตาแดง และมีผื่นแดงขึ้นตามตัว โดยผื่นมักเริ่มที่ใบหน้าก่อนแล้วลามไปตามลำตัวและแขนขา บางรายอาจมีภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น ปอดอักเสบ หรือสมองอักเสบได้

 

วิธีดูแลและป้องกันตนเองจากโรคหัด

● ฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัดตามกำหนด โดยเฉพาะในเด็กเล็กควรได้รับวัคซีน MMR ตามตารางสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค

● เมื่อพบผู้ป่วยควรแยกผู้ป่วยและงดการไปโรงเรียนหรือที่ชุมชนเป็นเวลาอย่างน้อย 4 วันหลังผื่นขึ้น เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ

● ผู้ป่วยควรได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอ ดื่มน้ำมาก ๆ รับประทานอาหารอ่อน ๆ ย่อยง่าย

● อาจใช้ยาลดไข้ตามอาการ หากมีอาการรุนแรงหรือสงสัยว่ามีภาวะแทรกซ้อน ควรรีบพบแพทย์ทันที

 

6. โรคมือเท้าปาก

 

โรคมือเท้าปากเป็นโรคที่มากับหน้าหนาวที่พบบ่อยในเด็กเล็ก แม้จะพบได้ตลอดทั้งปี แต่มักมีการระบาดเพิ่มขึ้นในช่วงอากาศเย็นเนื่องจากเด็ก ๆ มักอยู่รวมกันในพื้นที่ปิด เชื้อสามารถติดต่อได้ผ่านการสัมผัสน้ำลาย น้ำจากตุ่มพอง หรืออุจจาระของผู้ป่วย ผู้ป่วยจะมีอาการไข้ เบื่ออาหาร มีแผลในปาก และมีตุ่มพองหรือผื่นแดงที่มือ เท้า และอาจพบที่ก้นด้วย โดยตุ่มพองเหล่านี้อาจทำให้เจ็บหรือคันได้

 

วิธีดูแลและป้องกันตนเองจากโรคมือเท้าปาก

● รักษาสุขอนามัยอย่างเคร่งครัด ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยสบู่โดยเฉพาะก่อนรับประทานอาหารและหลังเข้าห้องน้ำ

● แยกของใช้ส่วนตัวโดยเฉพาะแก้วน้ำและช้อนส้อม

● หมั่นทำความสะอาดของเล่นและพื้นผิวที่มีการสัมผัสบ่อย ๆ ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ

● ควรให้พักผ่อนมาก ๆ ดื่มน้ำบ่อย ๆ รับประทานอาหารอ่อนที่ไม่ร้อนจนเกินไปเพื่อไม่ให้ระคายเคืองแผลในปาก

● อาจใช้ยาลดไข้และยาทาแก้คันตามอาการ

● หากมีอาการรุนแรง เช่น ซึม ชัก หรือหอบเหนื่อย ควรรีบพบแพทย์ทันที

 

7. โรคติดต่อทางเดินอาหารและน้ำ

 

โรคทางเดินอาหารเป็นอีกหนึ่งโรคที่เกิดในฤดูหนาวที่พบอยู่บ่อย ๆ โดยมักเกิดจากการรับประทานอาหารหรือน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อโรค ไม่ว่าจะเป็นแบคทีเรีย ไวรัส หรือปรสิต โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลที่มีการรวมตัวกันรับประทานอาหารที่ปรุงทิ้งไว้นาน ผู้ป่วยจะมีอาการท้องเสีย รวมถึงคลื่นไส้อาเจียน ปวดท้อง และบางรายอาจมีไข้ร่วมด้วย ในกรณีที่มีอาการรุนแรงอาจทำให้เกิดภาวะขาดน้ำได้

 

วิธีดูแลและป้องกันตนเองจากโรคติดต่อทางเดินอาหารและน้ำ

● ดื่มน้ำสะอาด และรับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ ๆ

● รักษาความสะอาดในการประกอบอาหาร

● ล้างมือให้สะอาดทั้งก่อนรับประทานอาหารและหลังเข้าห้องน้ำ

● หลีกเลี่ยงอาหารที่วางทิ้งไว้นานหรือไม่ได้เก็บในอุณหภูมิที่เหมาะสม

● เมื่อมีอาการท้องเสีย สิ่งสำคัญที่สุดคือการดื่มน้ำและเกลือแร่ทดแทนให้เพียงพอ

● เลือกรับประทานอาหารรสชาติอ่อน ย่อยง่าย เมื่อมีอาการท้องเสีย

● หากมีอาการรุนแรง เช่น ถ่ายเป็นมูกเลือด มีไข้สูง หรือมีอาการขาดน้ำ ควรรีบไปพบแพทย์

 

  

การเตรียมพร้อมรับมือกับโรคในหน้าหนาว

 

แม้เราจะป้องกันตนเองอย่างดีแล้ว แต่โรคภัยก็อาจมาเยือนได้โดยไม่ทันตั้งตัว โดยเฉพาะในช่วงที่อากาศแปรปรวน การมีประกันสุขภาพที่ครอบคลุมจึงเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้คุณอุ่นใจได้มากกว่า เพราะหากเจ็บป่วยขึ้นมา คุณยังจะได้รับการดูแลรักษาที่ดีที่สุดโดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย

 

แนะนำ PRUHealthcare Plus ทางเลือกที่ใช่สำหรับความคุ้มครองสุขภาพ

 

PRUHealthcare Plus เป็นประกันสุขภาพที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การดูแลสุขภาพอย่างครอบคลุม

 

ความคุ้มครองชีวิต 100,000 บาท

● วางแผนค่าใช้จ่ายได้ตามต้องการ ด้วยแผนความคุ้มครองให้เลือกถึง 5 แผน

● ค่าเบี้ยประกันสุขภาพเริ่มต้นเพียง 20 บาทต่อวัน* (*สำหรับเพศชาย อายุ 20 ปี ความคุ้มครองแผน 1 )

● ให้ความคุ้มครองสูงสุดถึง 500,000 บาทต่อปี สำหรับค่ารักษาพยาบาลกรณีผู้ป่วยใน

สิทธิประโยชน์ที่ตอบโจทย์

● อิสระในการเลือกโรงพยาบาลและค่าห้องพักตามที่ต้องการ

● คุ้มครองค่าห้องและค่าบริการสูงสุดถึง 5,000 บาทต่อวัน (สูงสุด 365 วัน ต่อปี)

● พิเศษด้วยความคุ้มครองโรคมะเร็งแบบ เจอ จ่าย จบ สูงสุดถึง 1,000,000 บาท (สำหรับแผน 5)

 

การมีประกัน ชีวิตและสุขภาพ ที่ดีอย่าง PRUHealthcare Plus จะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่า หากเจ็บป่วยไม่ว่าจะในหน้าหนาวหรือหน้าใดก็ตาม คุณก็จะได้รับการรักษาที่ดีที่สุดโดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย เลือกประกันสุขภาพที่มีเงื่อนไขกรมธรรม์ และค่าเบี้ยประกันสุขภาพที่ตอบโจทย์คุณจาก พรูเด็นเชียล ประกันชีวิต ได้เลย

 

ข้อมูลอ้างอิง

1. กรมควบคุมโรค เตือนประชาชนระวังป่วยด้วยโรคที่พบบ่อย และป้องกันภัยสุขภาพที่มักเกิดขึ้นในฤดูหนาว

2. ไข้หวัดใหญ่ (Influenza, Flu)

3. โรคปอดบวม ปอดอักเสบ